กลายเป็นประเด็นร้อนภายในวันนี้ หลังจาก "ศรีสุวรรณ จรรยา" โดนต่อยที่ กกต. ปมเรียกตรวจสอบนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง "เรืองไกร" ที่เข้าร้อง กกต. ตรวจสอบ "พิธา" เรื่องถือหุ้นสื่อ วันนี้ถกไม่เถียงจึงเชิญ 2 นักร้อง ถกหาคำตอบว่าแท้จริงแล้ว พุ่งเป้าตรวจสอบแต่พรรคตรงข้ามรัฐบาลหรือไม่ !
วันที่ 11 พ.ค. 66 ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ผู้ก่อเหตุเข้ามาชกตนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรมาก่อนเลย ตนก็ไม่คิดว่าจะถูกทำร้ายร่างกายที่ กกต. เพราะเป็นสถานที่ราชการ มีสื่อมวลชนมากมาย ทั้งนี้ได้ไปแจ้งความมาแล้วเรียบร้อย โดยจะนำร่องด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายก่อน ส่วนความผิดอื่น ๆ อาจจะตามมาทีหลัง ในขณะที่ค่าเสียหายตนเรียกไป 1 ล้านบาทในคดีแพ่ง ตามสิทธิ์ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม คู่กรณีมีเจตนาเข้ามาทำร้ายร่างกาย โดยพยายามยกเหตุผลในเรื่องที่ตนไปร้องเรียนที่ กกต. แต่จริง ๆ แล้วการร้องเรียนต่อ กกต. ในเรื่องของการเลือกตั้งนั้น มีผู้ไปร้องเรียนอยู่แล้วทุกวัน มีทั้งตัวแทนของทั้งฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล แต่ประเด็นที่ตนไปร้องเรียน มันอาจจะไม่ถูกใจกลุ่มคนที่หลงนักการเมือง ขณะเดียวกัน ตนเจอเหตุอะไรที่สามารถร้องเรียนได้ ตนก็ไปร้อง ตนไม่สนว่าจะเป็นฝั่งรัฐบาล หรือฝั่งฝ่ายค้าน ยืนยันว่าไม่ได้พุ่งเป้าไปที่พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง
สำหรับเรื่อง สะพานพระราม 8 ที่ พรรครวมไทยสร้างชาติมีการยิงเลเซอร์หาเสียง โดยมีข้อความเชิญชวนให้เลือกหมายเลขของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ตนมีข้อมูลมานานแล้ว ได้มาจาก กกต. ทั้งนี้ พรรถเพื่อไทยได้มีการสอบถามไปยัง กกต. ว่าการกระทำดังกล่าวมันจะผิดในเรื่องใช้สื่อหาเสียงไหม ซึ่ง กกต. เขาก็ตอบว่าไม่ผิด ดังนั้นในเมื่อมันไม่ผิดตนจะไปโชว์โง่ร้องเรียนทำไม
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันไปแล้วหลายครั้ง ว่าการไปยื่นร้องเรียนของตน คนไทยทั้ง 70 ล้านคน ก็สามารถทำได้หมือนตน ตนไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร ใครที่เห็นนักการเมือง พรรคการเมือง หรือข้าราชการ ประพฤติมิชอบ คุณก็สามารถไปร้องเรียนตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เลย ส่วนเรื่องที่ตนถูกทำร้ายร่างกาย ตนก็ได้เตรียมใจมาแล้ว ว่าอาจจะเกิดเหตุขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดเหตุแล้ว ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ทว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่สามารถหยุดยั้งให้ศรีสุวรรณร้องเรียนได้ กลับจะยิ่งทำให้มากขึ้นด้วย
ฟาก เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ในประเด็นที่ตนไปร้องเรียนกับ กกต. ให้สอบสวน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเและแคดดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล กรณีของการถือหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้นนั้น ที่ต้อมาร้องเรียนในช่วงนี้ เพราะข้อเท็จจริงมันปรากฎ แ ละตนเพิ่งได้เอกสารข้อมูลมาเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 66 ขณะเดียวกัน จะมายกเคสของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เป็นบรรทัดฐานไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงแต่ละคดีมันไม่เหมือนกัน เอามายึดถือกันไม่ได้
ทั้งนี้ การเป็นสมัครชิกของพรรคการเมือง เขาห้ามถือหุ้นสื่อ แสดงว่า คุณพิธา ต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ดังนั้นก็จะเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลไม่ได้ ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคไม่ได้ การที่คุณพิธาเซ็นรับรองผู้สมัคร สส. ของพรรคก้าวไกวเกือบ 500 คนนั้น มันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตนจึงไปร้องเรียน กกต. ให้สอบ ขนานกับเรื่องการถือหุ้นสื่อว่ามีความผิดหรือไม่ จะอย่างไรก็ตาม คำร้องเรียนของตนยังไม่ใช่ข้อชี้ขาด กกต. กับ ศาล จะเป็นผู้ตัดสิน
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35