ตัวแทนจาก 7 พรรคการเมือง ร่วมประชันวิสัยทัศน์ ในประเด็น ทำไมคุณถึงอยากเป็นนายกรัฐมนตรี และคุณมั่นใจได้อย่างไรว่า คุณเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด บนเวที BIG DEBATE กรุงเทพฯ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย จะไม่พาประชาชนไปเสี่ยงกับรัฐประหาร เพราะมีการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปรอแก้ไขในสภาเรียบร้อยแล้ว แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ด้วยกองทุนสร้างไทย 3 แสนล้านบาท ปลดล็อกใบอนุญาต 1400 ฉบับ ลงทุนกับการสร้างคนโดยการให้เรียนฟรีจนถึงปริญญาตรี ตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นทิ้งทั้งหมด
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมาของตน จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติ โดยปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศที่มีมายาวนาน จะสามารถแก้ไขได้ด้วยนโยบาย Spectrum Economy ที่จะสร้างเมืองไทยให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ลดโครงสร้างภาษี ปลดล็อกแบล็กลิสต์ และนโยบายราคาไฟฟ้า ราคาน้ำมันที่ลดลง
วราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ตนจะเป็นนายกที่ฟังเสียงของประชาชน ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่สะท้อนความเป็นตัวตนของคนไทยทั้งประเทศ และได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญของคนไทยอย่างแท้จริง
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องการแก้ไขปัญหาเก่า ซึ่งจะต้องยุติวงจรรัฐประหาร โดยการปฏิรูปกองทัพ ให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน และก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อเผชิญปัญหาใหม่ บริหารระบบราชการให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไร้คอรัปชั่น และพาประเทศไทยไปสู่อนาคต ประเทศไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของสากล ประเทศไทยที่คนเท่าเทียมกัน และเท่าทันโลก
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม พรรคไทยภักดี กล่าวว่า ต้องจัดการความยากจนด้วยการปราบปรามทุจริต หยุดทุนผูกขาด ไม่ใช่แก้ไข หรือยกเลิก ม.112 เปลี่ยนระบบพลังงานจากฟอสซิลเป็นพลังงานสะอาด นำไปสู่พลังงานทุกตัวราคาถูกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดสรรที่ดินทำกิน และส่งน้ำผ่านระบบท่อ ทำ SIM อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 100 บาทต่อเดือน สิทธิ์รักษาพยาบาลเท่าเทียม
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ต้องสร้างอุดมการณ์ในการทำงานระหว่าง รัฐมนตรี เลขา และประชาชนให้เป็นไปในทางเดียวกัน จึงจะสามารถบริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรืองได้ ตรวจสอบงบประมาณของประเทศก่อนดำเนินการตามนโยบาย และตัดงบประมาณของนโยบายที่ไม่จำเป็นออก เพื่อป้องกันการคอรัปชั่น
พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ พรรคเปลี่ยน กล่าวว่า พรรคเปลี่ยนไม่ได้ส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่มั่นใจว่ามีความพร้อมเข้าไปทำงานในสภา เป็นตัวแทนของคนที่ไม่มีคนเหลียวแลหรือสร้างโอกาสให้ ไม่มีโอกาสในการเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ตนเอง ให้มีปากเสียงให้คนหาเช้ากินค่ำ หาโอกาสมาให้คนจนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมพุ่งชนเพื่อคนจนทั่วประเทศ