พี่น้องบาดหมาง ปมหนี้นอกระบบ โอดกู้พี่ 1.4 ล้าน จ่ายไป 13 ล้าน พี่สาวไม่จบ !

สาวร้องเข้ามาในรายการถกไม่เถียง โดย ถูกจ่าทหาร หลอกให้กู้เงิน ก่อนจะชิ่งหนี ทิ้งหนี้ไว้ให้ตนเป็นคนใช้ทั้งต้นทั้งดอก หนักขั้นถึง 13 ล้านบาท ที่ยิ่งกว่านั้น พี่สาวเป็นคนกลางในการกู้ยืมเงิน อลวลจนต้องแตกหักสัมพันธ์พี่น้อง ! 

 

 

            วันที่ 10 พ.ค. 66 เจนจิรา ผู้ร้องทุกข์ (ลูกหนี้) ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า  เธอรู้จักจ่าทหารเรือและภรรยา ผ่านการซื้อขายเสื้อผ้าออนไลน์ เพราะภรรยาของทหารขายของแบบเดียวกับตน ซึ่งต่อมา เขาก็ได้ขอให้ตนกู้เงินให้เขา อ้างว่าแม่เขาป่วย จะนำเงินไปรักษา ตนจึงจัดการกู้เงินให้ โดยผ่านตัวทราย พี่สาวของตน ซึ่งเป็นเงินกู้ที่เป็นดอกเบี้ยรายวัน ต้องจ่ายวันละ 18,000 บาท เขาจึงได้เริ่มกู้ทีละน้อยเริ่มจากหลักหมื่น จนกลายเป็นหลักแสน รวมแล้วประมาณ 900,000 พอมันเยอะขึ้นเขาก็เริ่มไม่มีเงินจ่าย ยอดมันเลยเยอะขึ้นจนถึงหลักล้าน สุดท้ายเขาก็ไม่จ่ายเลย จนตนต้องไปหากู้รายเดือนดอกเบี้ยร้อยละ 20 เพื่อมาจ่ายหนี้ของเก่าวันละ 18,000 บาท รวมทั้งจ่ายหนี้รายเดือนที่ไปกู้มาด้วย   

 

            ทั้งนี้ ตนไม่เคยได้คุยกับเจ้าของเงินเลย เพราะตนจ่ายดอกเบี้ยผ่านพี่สาว แล้วพี่สาวจะเป็นคนเอาคืนให้เจ้าหนี้ ซึ่งหลังจากที่จ่าทหารและภรรยาหนีไป ตนก็ได้จ่ายเงินไปเยอะมาก กว่า 13,000,000 บาท  จึงขอพี่สาวคุยกับเจ้าของเงิน เพื่อขอจ่ายเงินต้นแล้วปิดหนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมให้คุยอยู่นานหลายปี ตนก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร เรื่องเกิดตั้งแต่ปี 64 เพิ่งจะมีโอกาสได้คุยเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเดือน มี.ค. 66 ซึ่งเจ้าหนี้ดังกล่าวก็บอกไม่รับรู้อะไรเลย ไม่รู้จักตนด้วย 

 

            อย่างไรก็ตาม ตนขายของหนักมากเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ให้พี่สาว จนตนแท้งลูก และป่วยเป็นโรคแพนิค ซึ่งพอตนป่วย ตนก็ไม่ได้จ่ายเลย พี่สาวก็ได้มาด่าตน ข่มขู่ คุกคาม ผ่านทางหน้าเฟซบุ๊กที่ตนใช้ขายของ สิ่งที่ตนต้องการ ตนอยากเจอเจ้าหนี้ตัวจริง อยากสอบถามว่าเงินที่จ่ายไปถึงเขาหรือไม่ หรือพี่สาวเป็นคนเอาไป หากได้คุยตนก็จะจบ

 

 

            ด้าน ทราย พี่สาวของเจนจิรา (คนกลางติดต่อเงินกู้นอกระบบ) กล่าวว่า แหล่งเงินทุนที่ตนหามาให้น้อง มาจากบ่อน ตนกู้มาหลายเจ้า ยืนยันว่ามีนายทุนจริง โดยน้องสาวมาเรียกเอาเงินคร้ังละแสนสองแสน จนยอดครบ 500,000 บาท เขาก็มีสะดุดไป ไม่ได้ส่งเงินให้เจ้าหนี้ต่อ ตนจึงสอบถาม จึงได้รู้ว่าคนที่เอาไปเป็นจ่าทหารกับภรรยา ตนจึงเตือนว่าอย่าไปให้เงินเขาอีก เพราะดอกเบี้ยมันแพง เดี๋ยวจะจ่ายกันไม่ไหว จากนั้นน้องก็มาเรียกเอาเงินอีก อ้างว่า รอบนี้เป็นคนเอาเอง กระทั่งยอดรวมหนี้ถึง 900,000 บาท สุดท้าย หนี้ก้อนดังกล่าวตนก็ปิดให้น้องสาว เป็นจำนวนเงิน 650,000 เนื่องจากน้องสาวป่วย ตนต้องเอาทองไปจำนำ หาเงินมาปิดให้ โดยทุกอย่างที่ตนทำ ตนบอกน้องสาวหมด  ส่วนเงินที่น้องสาวจ่ายดอกเบี้ยมาวันละ 18,000 บาท ตนนำไปคืนเจ้าหนี้จริง ๆ 

 

            หลังจากนั้นได้ 3 วัน น้องสาวก็ติดต่อมาขอเงินอีก อ้างว่า จะไปรับของมาขาย ด้วยความที่ตนคิดว่า ถ้าน้องหาของมาขายได้ น้องก็มีเงินมาใช้หนี้ ตนจึงได้หาให้ 100,000 บาท ทว่า น้องสาวส่งมาให้ตนแค่ 3 วัน แล้วก็ไม่ส่ง เอาตำรวจมาอ้าง บอกว่า ตำรวจไม่ให้จ่าย ตอนนี้ น้องติดหนี้ตนทั้งหมด 750,000 บาท และ 200,000 ที่แฟนตนไปกู้ธนาคารมาให้เขา อีกทั้งทองที่ไปจำนำหนัก 10 บาท ตนอยากให้เขาคืนทั้งหมด ขณะเดียวกัน ตนเคยให้น้องสาวคุยกับเจ้าหนี้แล้ว แต่น้องสาวก็ไปโวยวายใส่เขา ส่วนที่เจ้าหนี้เขาไม่รู้จักน้องสาว เพราะตอนกู้เป็นการกู้ในนามของตน  และสำหรับหลักฐานสลีปการโอนเงินต่าง ๆ ตนมีหมด 

 

 

            ฟาก ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย สภาทนายความฯ เผยว่า หลักการ การกู้ยืมเงินถ้าเกิน 2,000 บาท ต้องมีหลักฐาน มีสัญญาเงินกู้ ถึงจะฟ้องร้องกันได้ ขณะเดียวกัน ในเคสนี้ ตนคิดว่ามันผิดปกติ เพราะ มีหนี้ค้างอยู่ แต่เจ้าหนี้ยังปล่อยเงินกู้เรื่อย ๆ นอกจากนี้ ลูกหนี้มีการผ่อนท่วมหนี้เกินไป ซึ่งในทางกฎหมายนั้น ลูกหนี้สามารถฟ้องร้องติดตามเอาเงินคืนมาได้ 

 

            นิด (นามสมมติ) ผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตัวจริง เล่าว่า ตนไม่ใช่นายทุนหรืออะไร เพียงแต่ว่าตนรู้จักกับทราย ซึ่งก็ได้มีการมาหยิบยืมเงินตนตกลงให้ดอกเบี้ยกัน ขณะเดียวกันทรายก็เล่นแชร์กับตน ทำให้ตนมั่นใจ เพราะมีเงินในวงแชร์เป็นหลักประกันว่าเขาจะไม่โกง ส่วนการยืมเงินนั้นประมาณครั้งละ 100,000-200,000 บาท ซึ่งไม่ใช่ระยะยาว ยืมแล้วก็คืน ไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้อยากยุ่งกับเจนจิรา เพราะ คนมายืมเงินตนคือ ทราย แล้ว ทราย ก็เคลียร์เงินตนจบแล้ว  

 

            ทั้งนี้ในระหว่างรายการ มีการถกเถียงกันทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนที่ฝ่ายคุณทราย จะยอมถอย ยกหนี้ไม่เอาเงิน และทองคำคืนสักบาท ส่วนฝั่งน้องสาว ก็ไม่ได้ติดใจเรื่องของเจ้าของเงินแล้ว รวมถึงจะไม่ไปเรียกเงินส่วนต่าง ที่จ่ายเป็นดอกเบี้ยเกินไปจากยอดที่เคยกู้มา 900,000 บาท ยืนยันว่าจะจบเลิกราต่อกันแล้ว