เดินทางถึงช่วงสุดท้ายของรายการ BIG DEBATE ซึ่งเป็นช่วงพิเศษต่อเวลามาจากช่วงเวลาถ่ายทอดสดทางทีวี โดยเป็นการพูดคุยกันต่อในประเด็น จากผลโพลสำนักต่าง ๆ พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ต่างช่วงชิงคะแนนนิยมมาเป็นอันดับที่ 1 และ อันดับที่ 2 ชนิดที่ว่า หายใจรดต้นคอ จึงเป็นไปได้หรือไม่ ที่สุดท้ายแล้วทั้ง 2 พรรคนี้ จะจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคก้าวไกล ได้ย้ำจุดยืนในการเข้าร่วมรัฐบาล โดยการเจรจาต่าง ๆ จะเจรจาผ่านนโยบาย และจะไม่ใช่การปิดห้องคุย แต่จะเป็นการเปิดเผย MOU ให้ประชาชนได้รับทราบไปพร้อม ๆ กัน
ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พรรคเพื่อไทย แย้งว่า โพลที่ว่า “หายใจรดต้นคอ” ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายกฯ ต้องมาจากพรรคเพื่อไทย จะต้องเห็นด้วยกับนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย และ ตำแหน่ง รมว. สำคัญ ๆ ต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย ถ้าคุยกัน จับมือกันได้ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันได้ แต่ถ้าหากคุยแล้วมีข้อขัดข้อง ก็จับมือกันไม่ได้
นอกจากนี้ สุพันธุ์ มงคลสุธี พรรคไทยสร้างไทย ได้ถามหาความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยว่า ท้ายที่สุดแล้ว แคนดิเดตนายกฯ 3 คนของของพรรคเพื่อไทย ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า ทั้ง 3 คน พร้อมเป็นนายกฯ สาเหตุที่ต้องเสนอ 3 ชื่อ เพราะ หากเสนอเพียงชื่อเดียวแล้วเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจะไม่เหลือแคนดิเดตนายกฯ เลย จึงต้องเสนอ 3 ชื่อ
ส่วนทางด้าน ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคก้าวไกล ก็ได้แสดงความชัดเจนว่า แคนติเดตนายกฯ คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เช่นเดียวกันกับ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ พรรคพลังประชารัฐ ที่ชูนายกฯ เพียงคนเดียว คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
ขณะที่ สาธิต ปิตุเตชะ พรรคประชาธิปัตย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เนื่องจากเป็นบุคคลที่คนในพรรคร่วมกลั่นกรองมาแล้ว รวมถึงเป็นระบบการวางความเข้มแข็งทางการเมืองอีกด้วย
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พรรคเพื่อไทย ให้เหตุผลที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพราะ พรรคได้รับบทเรียนว่า หากถูกยุบพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคจะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และถ้าหากเป็นนายกฯ ก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ดังนั้น พรรคเพื่อไทย เจ็บแล้วจำ เรารู้ว่า เราอยู่ในการเมืองที่ไม่ปกติ