ถกเดือด ! การปราบทุจริต และจะทำอย่างไร หากไม่สำเร็จ (1) | BIG DEBATE สุพรรณบุรี | 2 พ.ค. 66 | [4/6]

ตัวแทนจาก 7 พรรคการเมือง ร่วมประชันวิสัยทัศน์ ในประเด็น การปราบทุจริต เป็นความต้องการลำดับแรก ๆ ของประชาชน แต่ละพรรคการเมือง มีนโยบายต่อเรื่องนี้อย่างไร และหากได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่กล่าวออกไปได้ จะรับผิดชอบอย่างไร บนเวที BIG DEBATE สุพรรณบุรี

 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรค​​พลังประชารัฐ กล่าวว่า ต้องปรับปรุงกฎหมาย ประเทศไทยมีกฎหมายหลายอย่างที่ขัดต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน หรือปฏิบัติไม่ได้ เปิดช่องให้มีการจ่ายใต้โต๊ะ หรือส่วย นอกจากนี้การคิดโครงการของรัฐบาล หากคิดแล้ว จำเป็นต้องทำให้สำเร็จ

 

วรภพ วิริยะโรจน์ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกล มีนโยบายที่ต้องการแก้ไขปัญหาทุจริต คือ เปลี่ยนจากรัฐปกปิด เป็นรัฐโปร่งใส ตรวจสอบโดยระบบที่ดี ด้วยการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐทุกขั้นตอน ซึ่งประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบต่อได้ 

 

วราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะเสนอการใช้แนวทาง DDT คือการทำให้โครงการของรัฐบาลทั้งหมดมาอยู่ในดิจิทัล เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน และใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำให้เกิดความโปร่งใส 

 

เมฆินทร์ เอี่ยมสอาด พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปราบทุจริต คือการลดขั้นตอนให้สั้นลง ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคที่ต้องทำโดยด่วน หากไม่ทำประเทศชาติอาจจะแย่กว่านี้

 

คริส โปรตะนันทน์ พรรคเส้นด้าย กล่าวว่า วงการใดที่มีเส้นสาย ต้องเจอพรรคเส้นด้าย ต้องลดกฎหมาย ลดอำนาจตำรวจ นอกจากนี้ ต้องมีการตรวจสอบศาล และอัยการ ทำระบบให้เชื่อมโยงกับประชาชนมากขึ้น

 

พิชัย นริพทะพันธุ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วิธีการแก้ทุจริตที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนภาครัฐด้วยดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital transformation) ในระบบราชการเพื่อแก้ทุจริต พัฒนาการบริการประชาชนให้สะดวกมากขึ้น

 

น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า โมเดลการปราบโกรงของพรรคไทยสร้างไทย คือ ผู้นำจะต้องมีความตั้งใจที่จะปราบคอร์รัปชัน ทุกคนต้องถูกตรวจสอบ ลงโทษหนักทั้งผู้ให้ผู้รับ โดยสร้างวัฒนธรรมใหม่ ให้คนไทยโกงไม่มีที่ยืนในสังคม ให้อำนาจประชาชนแจ้งเบาะแส และฟ้องได้โดยตรง สื่อมวลชนมีเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ นำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยป้องกันการโกง

 

นอกจากนี้ ยังมีการถกกันในประเด็นหากได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่กล่าวออกไปได้ จะรับผิดชอบอย่างไร 

 

โดย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรค​​พลังประชารัฐ กล่าวว่า การคิดโครงการของรัฐบาล หากคิดแล้วต้องทำให้สำเร็จ ซึ่งในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียน และมีการยกเลิกโครงการเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเป็นโครงการทุจริต ทางด้าน พิชัย นริพทะพันธุ์ พรรคเพื่อไทย โต้กลับว่า สำหรับนโยบายแจกแท็บเล็ตให้กับเด็กนักเรียน ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ยกเลิก แต่เนื่องจากถูกรัฐประหารโครงการดังกล่าวจึงถูกยกเลิกไป ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะนำนโยบายนี้กลับมาทำใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เกิดการศึกษาที่เท่าเทียมกัน

 

ขณะที่ คริส โปรตะนันทน์ พรรคเส้นด้าย กล่าวว่า ในการหาเสียงการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคพลังประชารัฐ ทำนโยบายที่หาเสียงไว้ไม่สำเร็จเลย นอกจากนี้ การปราบทุจริต เป็นนโยบายที่ล้มเหลวที่สุด และไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใด ๆ การกระทำดังกล่าว ควรรับผิดชอบด้วยการลาออก และไม่ควรลงสมัครเลือกตั้งอีก ซึ่งทาง ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรค​​พลังประชารัฐ ตอบกลับว่า พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ได้สังกัดพรรคพลังประชารัฐแล้ว แต่หากพูดในเชิงนโยบาย เนื่องจากมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค นโยบายบางอย่างต้องนำมารวมเข้าด้วยกัน จึงอาจจะทำให้ไม่ได้นโยบายตามที่หาเสียงโดยตรง ส่วนประเด็นการทุจริตที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงวาทะกรรม

 

รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/QBaIpUX2y-s