เช้านี้ที่หมอชิต - กลายเป็นคดีที่ยิ่งติดตามข้อมูลก็ยิ่งชวนตกตะลึง เมื่อล่าสุดพบว่าเหยื่อฆาตกรรมคดี แอม ไซยาไนด์ ตำรวจบอกว่ามีถึง 13 ศพ รอดชีวิต 1 คน ขณะเดียวกันผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับการตายอย่างปริศนาหลายกรณีก่อนหน้านี้ ก็ทยอยออกมาให้ข้อมูลเพิ่มถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้
โดยที่ จังหวัดอุดรธานี ส.อ.เอกพันธ์ ลายกิ่ง หัวหน้ากู้ภัยส่งเสริมธรรม ที่ให้ความช่วยเหลือ นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ หรือ แด้ ผู้เสียชีวิตรายที่ 6 ซึ่งเป็นอดีตสามีของ นางสรารัตน์ หรือ แอม เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันนั้นจำได้ว่าเป็นเช้าวันที่ 12 มีนาคม 2566 ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนเป็นลมหมดสติอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
เมื่อไปถึงก็พบผู้ประสบเหตุเป็นชาย มีลายสักเต็มตัว มีเลสทองที่ข้อมือซ้าย โดยมีผู้หญิงใส่ชุดสีเหลืองแสดงความห่วงใยอยู่ใกล้ ๆ ผู้ประสบเหตุ นอนหงายหมดสติอยู่ที่ทางเข้าห้องน้ำ สภาพเหงื่อออก ตัวเย็น ปัสสาวะราดกางเกง และมีอาการสลึมสลือ ตอนไปพบยังหายใจได้ พูดได้สั้น ๆ ว่าแน่นหน้าอก ดูแล้วอาการไม่รุนแรงมาก จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลหนองหานเพื่อให้การช่วยเหลือเร่งด่วน ต่อมาหมอดูอาการแล้วไม่เป็นอะไรมาก จึงปล่อยให้กลับบ้าน ซึ่งสำหรับนายแด้นั้น ต่อมาได้เสียชีวิตลงที่บ้านพัก สาเหตุการเสียชีวิตมาจากหัวใจวายเฉียบพลัน
กู้ภัยคนนี้ บอกว่า เท่าที่สังเกตดูภรรยาเขาที่มาด้วยกันวันนั้น มีสีหน้าตกใจเหมือนเป็นห่วงเป็นใยกัน ไม่มีอะไรผิดสังเกตว่าจะวางยา แต่ตอนนี้พอมาเห็นข่าว ตนเองรู้สึกสลดใจและช็อกมาก สงสารผู้ประสบเหตุ และตั้งแต่ทำกู้ภัยมา 15 ปี เพิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก
ในวันที่ นายสุทธิศักดิ์ หรือ แด้ อดีตสามีของนางสาวแอมเสียชีวิตนั้น ปรากฏว่า มีภาพจากคลิปวิดีโอว่าในช่วงค่ำวันนั้น นางสาวแอม หลังจากสามีตาย ไปทำอะไรต่อ
ถ้าดูจากชุดที่ผู้ต้องหาคนนี้ใส่อยู่ ก็จะพบว่าเป็นชุดเดียวกันกับที่ใส่ตอนนายแด้กำลังล้มฟุบ เป็นลม และสิ้นใจในช่วงเช้าของวันเดียวกัน หลายคนเห็นคลิปนี้แล้ว พอรู้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน ก็ถึงกับอึ้งกันไปเลย
ด้าน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เรียกประชุมตำรวจสืบสวนสอบสวน หลังพบว่า นางสาวสรารัตน์ หรือ แอม เกี่ยวพันกับการตายของ นายสุทธิศักดิ์ หรือ แด้ ที่พบว่าลักษณะการเสียชีวิตของนายสุทธิศักดิ์มีพฤติกรรมคล้ายกับการเสียชีวิตของรายอื่น ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ความสนใจกับคดีนี้ แม้ว่าศพจะถูกเผาไปแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของนางสาวแอม ที่หมู่ 1 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี พบว่าที่บ้านปิดเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่มาเป็นเวลานาน ส่วนบ้านพ่อของนางสาวแอมนั้น มีการนำรั้วเหล็กมากั้นทางเข้า ผู้สื่อข่าวพยายามโทรไปพูดคุยแต่ถูกปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลใด ๆ กับสื่อ
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายศักดิธัช อารีรอบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลท่ามะกา บอกว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับแอม เพิ่งมารู้จักเมื่อ 2 ปีก่อน แอม กับพ่อแม่ มาขอให้เซ็นเอกสารรับรองเกี่ยวกับที่ดิน แอม บอกว่า มีสามีเป็นตำรวจ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้
ด้าน นางสาวพรทิพย์ อายุ 63 ปี เพื่อนบ้าน บอกว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ แอมเป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัว ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร เมื่อโตขึ้น เรียนจบและแต่งงานมีครอบครัวก็ย้ายไปอยู่กับสามีและลูก เคยพบหน้ากันครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ที่นางสาวแอมมาเซ็นเอกสารกู้เงินกองทุนหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้ไปที่แฟลตตำรวจของสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ซึ่ง นางสาวแอม และสามีที่เป็นตำรวจ เคยพักอาศัยอยู่ พบแม่ค้าส้มตำหน้าแฟลต เล่าว่า แอมกับสามีเคยพักอยู่ที่นี่ แต่หลังจากสามีย้ายไปเป็นรองผู้กำกับที่ราชบุรี ทั้งสองก็ย้ายออกไปทันที แต่ยังมีข้าวของอยู่ในบ้านพัก
นอกจากนี้ ที่แฟลตตำรวจแห่งนี้ก็ยังมี สารวัตรนุ้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่คาดว่าน่าจะถูกวางยาอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน ตามปกติ แอม จะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ พ่อของสารวัตรนุ้ย หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังทราบข่าวที่ลูกสาวเสียชีวิตก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย แต่หลังจากเห็นข่าวของแอมก็เริ่มมีข้อสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกสาวเช่นกัน
ล่าสุด ตำรวจนครปฐม ขอนำโทรศัพท์มือถือ พร้อมคอมพิวเตอร์ Notebook และ Smart Watch ของสารวัตรนุ้ย ไปตรวจสอบหาข้อมูลทางคดีเพิ่มเติม
ส่วนที่ จังหวัดกำแพงเพชร นางลัดดา ขาวอินทร์ อายุ 63 ปี แม่ของนางสาวมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ อายุ 37 ปี ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 7 กรกฎาคม 2558 ที่กรุงเทพฯ บอกว่า ลูกสาวก็เป็นเพื่อนสนิทกับแอม ช่วยเหลือให้ยืมเงินตลอดแต่ไม่เคยได้คืน เพราะลูกสาวอยู่ต่างประเทศ ลูกสาวตายตอนเดินทางมาประเทศไทย พอลงเครื่องบินแอมก็ไปรับ ไม่รู้ว่าไปกินอะไรกันที่ไหนมาบ้าง แต่วันต่อมาลูกสาวก็ตาย ทรัพย์สินหายไปหมด ไม่ต่างจากรายอื่น ๆ ทีแรกคิดว่าลูกจะตายฟรี ตอนนี้โล่งใจที่ผู้ต้องหาถูกจับแล้ว
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าในที่สุดแล้ว คดีนี้จะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้หรือไม่ เพราะทางทนายของผู้ต้องหาก็มั่นใจเหลือเกินว่าจะพ้นข้อกล่าวหาอย่างแน่นอน
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/nsZJyvB5g7Q