ก้าวไกล บี้ เพื่อไทย ดับฝันแลนสไลด์ หายใจรดต้นคอ !

จากผลโพลของหลายสื่อ หลายสำนักชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมของ 'พรรคก้าวไกล' กำลังมาแรงจี้ตาม 'พรรคเพื่อไทย' มาติด ๆ จนกลายเป็นประเด็นว่า สุดท้ายแล้ว ทั้ง 2 พรรค เป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ !?

 

 

            วันที่ 26 เม.ย. 66 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมือง ในรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ โดยก่อนหน้านี้มีประเด็นของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ นั่นก็คือ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่มีฐานเสียงเดียวกัน ซึ่งจากตอนแรกเริ่มที่เป็นมิตรต่อกัน แต่ภายหลังเริ่มจะแข่ง และมีการบลัฟกันนั้น เป็นความจริงหรือไม่ อีกทั้งตามโพล ณ ที่ต่าง ๆ พรรคก้าวไกลเริ่มมีคะแนนตามจี้พรรคเพื่อไทยมาติด ๆ สรุปแล้วทั้ง 2 พรรคยังคงเป็นมิตรกันอยู่หรือไม่ เราจะมาไขข้อสงสัย เพื่อความชัดเจนของสังคมกัน

 

            ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลนั้น เป็นทั้งมิตรและคู่แข่ง คือเป็นมิตรร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตย ส่วนคู่แข่งนั้นในเวทีการเมืองพรรคการเมืองต่าง ๆ จะต้องแข่งกันเสนอนโยบาย เพื่อให้ประชาชนได้เลือกนโยบายที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เป็นศัตรูกับพรรคก้าวไกลแน่นอน ขณะที่เรื่องความน่าเชื่อถือของโพลแต่ละที่นั้น มันเป็นการสุ่มตัวอย่าง ซึ่งหากเป็นการสุ่มตัวอย่างอย่างชัดเจน มันจะนำไปสู่การนำไปสู่ความน่าเชื่อถือ อย่างเช่น นิด้าโพล เขามีการสุ่มตัวอย่างกลุ่มใหญ่มากประมาณ 300,000 คนทั้งประเทศ แล้วค่อย ๆ สุ่ม แต่บางโพลนั้น มีการโหวตทางออนไลน์ ซึ่งมันไม่ได้เป็นระเบียบการเก็บตัวอย่างอย่างชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ 

 

 

            ทั้งนี้การที่โพลออกมาว่า พรรคก้าวไกลมีคะแนนมากขึ้นตามติดพรรคเพื่อไทยนั้น ขอตอบว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความกังวลเลย เพราะทางพรรคเพื่อไทยเองก็มีการทำโพลแบบละเอียด ซึ่งผลที่ออกมานั้นพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีคะแนนน้อยลงเลย แถมยิ่งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทุกอย่างดำเนินไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ ส่วนเรื่องที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนเพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดี และยิ่งไปแย่งคะแนนจากฝั่งผู้มีอำนาจปัจจุบันก็จะยิ่งดี ช่วยเติมคะแนนให้กับฝั่งประชาธิปไตย ทั้งนี้ ฐานเสียงของทั้งพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย มันไม่ได้แย่งกันเอง เนื่องจาก แฟนพันธุ์แท้ของทั้ง 2 พรรคเขาก็เลือกพรรคที่ชอบกันอยู่แล้ว แต่จะเป็นการหาเสียงจากฐานเสียงใหม่เข้ามาที่เขายังไม่ได้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการมากที่สุดคือการได้คะแนนเกิน 250 ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะจะทำให้ สว. เขาโหวตค้านฉันทนุมัติของประชาชนได้ยาก 

 

            อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ขณะเดียวกันชูนโยบายการเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เพราะว่าการเป็นรัฐบาลพรรคเดียว จะทำให้การตัดสินใจดำเนินงานต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น หากจะต้องมีการร่วมรัฐบาลกับพรรคอื่นนั้น มี 3 เงื่อนไขดังนี้ พรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจาก 3 แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย และพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลกันจะต้องยอมรับนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ ยังต้องดูเรื่องการแบ่งบทบาทการทำงานใน ครม. อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข เหล่านี้พรรคเพื่อไทยจะไม่ปล่อยให้ใคร 

 

             สำหรับประเด็นที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาเตือนเรื่องนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละพรรค ว่าถ้าจะทำอะไรให้นึกถึงเสถียรภาพทางการเงินของประเทศด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ตอบว่า ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ น่าจะพูดพาดพิงถึงนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนไม่เห็นด้วย เพราะ การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่ทำตอนนี้ เราจะเหมือนญี่ปุ่นที่ผ่านมา 3 ทศวรรษแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย 

 

 

            ฟาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้ความเห็นว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคเป็นคู่แข่งขันกันหมด แต่พรรคเพื่อไทยเป็นมิตรกับพรรคก้าวไกลแน่นอน เพราะมีความมุ่งมั่นตั้งใจพาประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยเหมือนกัน ขณะที่ฐานเสียงของทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลนั้น มีบางส่วนที่เป็นฐานเสียงเดียวกันซึ่งไม่อาจประเมินเป็นตัวเลขที่ชัดเจนได้ ในอีกส่วนก็จะเป็นฐานที่พรรคเพื่อไทยไม่อาจหยิบไปได้ สำหรับวลีที่พูดกันว่า ถ้าเลือกก้าวไกล 3 ป. จะกลับมา ตนไม่ค่อยกังวลในประโยคนี้ เพราะ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอยู่เสมอว่า "มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา" ซึ่งตนก็เชื่ออีกว่าพรรคฝ่ายค้านในวันนี้ จะได้คะแนนเสียงรวมกันไม่ต่ำกว่า 300 เสียง ทำให้ตนยังไม่เห็นว่าลุงจะกลับมาแน่นอน

 

            สำหรับความมั่นใจในการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตอบว่า ยิ่งเดินทุกวันยิ่งมั่นใจ และโพลต่าง ๆ ก็ชี้ไปทางเดียวกันว่า กระแสของพรรคก้าวไกลกำลังมา ขณะเดียวกันการตอบรับของพ่อแม่พี่น้องประชาชนในโซเชียลมีเดีย สูงขึ้นเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญมันไม่ใช่แค่ในโลกออนไลน์ ตนใช้ตัวเองเป็นตัวชี้วัดโดยการลงพื้นที่ไปทุกภาค จะเห็นได้ว่า แม้จะไม่ใช่ในอ.เมือง ก็ยังมีคนรู้จักเรา และคนเข้าใจในนโยบายของเรา คนเข้ามาให้กำลังใจเรา และสิ่งที่ตนเห็นคือ พรรคก้าวไกล สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่มีอายุได้มากกว่า พรรคอนาคตใหม่ อาจจะเป็นเพราะวันนี้ คนหนุ่มคนสาว กลับไปบอกที่บ้านให้มาสนับสนุนพรรคก้าวไกล ซึ่งจากปรากฎการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ตนประเมินได้ว่าพรรคก้าวไกลสามารถคาดหวังผลคะแนนเลข 3 หลักได้ 

 

 

            ทั้งนี้ การพรรคก้าวไกล จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่า ใครได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ซึ่งหากพรรคเพพื่อไทยเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ก็จะขึ้นอยู่กับข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 เราก็มีข้อเสนอของเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งรอบนี้ ต้องมีความชัดเจน ว่าร่วมกันแล้วจะผลักดันวาระอะไรร่วมกันบ้าง ตกลงกันก่อนที่จะจับมือกัน และเมื่อตกลงกันแล้ว จะทำให้ลดความขัดแย้งลงได้