จากกรณีที่ ญาติผู้ชีวิตได้ออกมาร้องเรียน ตั้งข้อสงสัยการเสียชีวิตของ น้องก้อย ที่ได้ไปทำบุญกับเพื่อนสาว แล้วอยู่ดี ๆ เกิดวูบหมดสติเสียชีวิต จากนั้นเพื่อนที่ไปด้วยกันได้หลบหนีไปพร้อมทรัพย์สิน ต่อมาตำรวจได้เรียกผู้หญิงคนดังกล่าวมาสอบและได้ปล่อยตัวไป และยังไม่ได้มีการเอาผิดกับหญิงรายนี้ จากการตรวจสอบทราบว่าผู้หญิงรายนี้มีแฟนเป็นตำรวจในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
ล่าสุด มีญาติผู้เสียชีวิตอีกราย ออกมาขอรื้อฟื้นคดีที่ลูกสาวเสียชีวิตขณะเดินทางไปทำบุญที่ จ.ราชบุรี กับภรรยารองผู้กำกับรายดังกล่าว และเสียชีวิตสภาพน้ำลายฟูมปาก แต่ผู้ต้องสงสัยไม่พาไปส่งโรงพยาบาล ทั้งที่ขับรถไปไม่ถึง 10 นาที
โดยเมื่อข่าวปรากฏออกมาญาติผู้เสียชีวิต รายหนึ่ง ร้องเรียนว่า เมื่อ 6 เดือนก่อน เหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นกับ กะณิกา หรือ เอ๊ะ อายุ 44 ปี โดย กะณิกา ได้รู้จักกับ หญิงคนดังกล่าว ทางโซเชียล ถูกชักชวนให้เล่นแชร์ และปล่อยเงินกู้ หลังจากนั้นได้ชักชวนไปทำบุญ 9 วัด ปล่อยปลา จึงขับรถจากย่านคลองเตยไปยังราชบุรี เมื่อไปถึงปั๊มน้ำมัน ที่โพธาราม ได้แวะซื้อกาแฟ หลังจากนั้น กะณิกา มีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก และเสียชีวิต
ญาติเคลือบแคลงสงสัย เหตุใดหญิงคนดังกล่าว ไม่พาไปโรงพยาบาล ในขณะที่ น.ส.กะณิกา มีอาการ ทั้งที่ รพ.อยู่ใกล้ จนมีชาวบ้านแถวนั้น และแกรปเห็น น.ส.กะณิกา น้ำลายฟูมปาก จึงช่วยเรียกรถพยาบาลมารับ เมื่อไปถึง ร.พ. หญิงคนดังกล่าวก็ทำตัวมีพิรุธ มีอาการรีบร้อน ไม่ตอบคำถามญาติ ได้แต่พูดว่า มีสามีเป็นรองผู้กำกับ และ ออกจาก รพ.ไป
หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีก งานศพก็ไม่มาร่วม ที่สำคัญ ทั้งเงินสด ทรัพย์สินและโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตก็หายไป เหมือนไม่ให้สามารถค้นหาหลักฐานในโทรศัพท์ได้ แต่ผู้ตายมีโทรศัพท์อีกเครื่องที่ไม่ได้นำไปด้วย เมื่อเปิดดูข้อมูลย้อนหลัง พบพิรุธว่า หญิงคนดังกล่าว ชวนผู้ตายให้นำเงินไปไถ่สร้อยคอทองคำให้ ที่ร้านรับจำนำใ นจ.นครปฐม โดยผู้ตาย ได้ถอนเงินสดมา 3 แสนบาท ขณะนี้ก็ไม่ทราบว่าเงินหายไปไหน
ขณะที่มารดาของผู้ตาย ได้แต่ร้องขอความเป็นธรรม เพราะ หลังสามีเสียชีวิต น.ส.กะณิกา ซึ่งเป็นลูกสาวคนโต ก็เป็นเสาหลักแทน
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้สั่งให้สืบสวนหาพยานหลักฐานในการเชื่อมโยงไปสู่สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ตามที่ญาติสงสัยว่าถูกวางยาหรือไม่ หลังจากพบว่ามีผู้เสียชีวิต ขณะถูก หญิงคนดังกล่าว ชวนไปทำบุญ มาแล้ว รวมทั้งหมด 6 ราย
ซึ่งขณะนี้พบพิรุธ ในผู้เสียชีวิตทุกราย ซึ่งช่วงเวลา ไม่ห่างกัน โดยผู้เสียชีวิตรายที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ชาย ก็พบพิรุธสีผิวเปลี่ยนสภาพผิวดำคล้ำผิดปกติ ซึ่งรายนี้ หญิงคนดังกล่าว สนิทสนมเป็นพิเศษ โดยขณะนี้ตำรวจกองปราบยังค้นหาทรัพย์สินของผู้ตาย ที่สูญหายไปว่า ผู้ต้องสงสัยนำไปซุกซ่อนหรือทิ้งที่ไหน เพื่อหาหลักฐานชิ้นสำคัญในการคลี่คลายคดีว่า จะเป็นการวางยาจริงเพื่อปลิดชีพ เพื่อนที่คบหากันจริงหรือไม่
+ อ่านเพิ่มเติม