หนุ่มถูกดูดเงิน 1.3 แสน แบงก์อายัดทัน ฝาก ตร. ส่งคืน แต่ไม่ยอมคืน !

หนุ่มร้องสื่อ อยู่ดี ๆ บัญชีธนาคารก็โอนเงินออกไป 8 ครั้ง ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง เสียเงินไปกว่า 1.3 แสนบาท ซ้ำร้ายติดตามเรื่องจนอายัดไว้ได้ทัน แต่เจ้ากรรม ตำรวจไม่ยอมคืนเงิน !

 

 

            วันที่ 19 เม.ย. 66 ต๋อง ผู้เสียหาย ออกกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 65 ตนเดินทางไปทำงานที่ จ.บึงกาฬ โดยเป็นการจัดงานอีเวนต์ ซึ่งตนก็ได้ไปซื้อของเพื่อมาเตรียมงาน กับน้องในทีม จากนั้นก็ได้แวะโรงแรมเพื่ออาบน้ำ ต่อมาได้มีน้องทีมงานมาเพิ่ม ตนจึงจะไปแสกนจ่ายเงินเปิดห้องให้น้องทีมงาน ทว่าในตอนนั้นยอดเงินบัญชีของตนมันหายไป จาก 147,000 เหลือ 10,000 บาท ซึ่งตนก็ตกใจมาก เพราะตอนที่ไปซื้อของก่อนหน้านี้ ยอดเงินยังมีอยู่ ระยะเวลาเพิ่งผ่านมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมง เงินกลับถูกดูดออกไปจากบัญชีธนาคาร โดยถูกโอนออกไปทั้งหมด 8 ครั้ง 

 

            ตนจึงรีบเดินทางไปแจ้งความ และไปแจ้งอายัดบัญชีปลายทางในเช้าวันที่ 29 ธ.ค. 65 โชคดีที่ธนาคารสามารถอายัดไว้ได้ทัน จากนั้นธนาคารก็ดำเนินการต่อโดยติดต่อกับเจ้าของบัญชีปลายทางเพื่อให้นำเงินมาคืน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากปีใหม่ ธนาคารจึงเสนอว่า ให้ตีเงินก้อนดังกล่าวให้เป็นของกลาง และนำคืนกับตน โดยให้ตำรวจรับทราบร่วมกัน ตกลงกันเสร็จ ธนาคารก็ได้ทำแคชเชียร์เช็คคืนเงินดังกล่าว ส่งให้ตำรวจ ซึ่งตำรวจต้องการนำแคชเชียร์เช็คดังกล่าวมาคืนตน ทว่า เมื่อตำรวจได้แคยเชียร์เช็คไปการพูดจาเขาเปลี่ยนไป จากตอนแรกที่เขายินดีช่วยเหลือให้คำแนะนำตนทุกอย่าง กลายมาเป็น บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงินให้ตน อ้างว่ามีคู่คดีมาแจ้งความ โดยเป็นเจ้าของคดี แถมยังบอกอีกว่าติดต่อเจ้าของบัญชีได้แล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ติดต่อไม่ได้เลย

 

 

            นอกจากนี้เจ้าของบัญชีที่ตำรวจกล่าวอ้าง กลับเป็นคนละชื่อกับเจ้าของบัญชีปลายทาง ซึ่งทางตำรวจยังบอกอีกว่า มันยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังเปิดเผยไม่ได้ รวมทั้งบอกอีกว่า ตนทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ ทั้งนี้ ทางตำรวจเขาคิดว่า เพื่อนของตนเป็นคนโอนเงินออกไปเล่นเว็บพนัน ซึ่งตนก็บอกกับทางตำรวจว่าตนยินยืนยันความบริสุทธิ์ของทั้งเพื่อน และตน โดยการ ยินยอมให้นำโทรศัพท์ของตนไปตรวจที่ ปอท. ได้เลย แต่ทางตำรวจก็ไม่ส่งเรื่องไปให้ อ้างว่า ผู้ใหญ่ไม่ให้ทำ สุดท้ายเขาจะให้ตนไปให้ปากคำเพิ่มเติม และลงบันทึกคดีใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ได้มีสายปริศนาโทรเข้ามาหาตนบอกว่า ถ้าอยากให้เรื่องนี้จบให้เอาให้เขา 30,000 บาท ตนก็ไม่แน่ใจว่าสายปริศนานี้คือใคร ตนคิดว่าเรื่องราวมันบานปลาย จึงได้ออกมาร้องเรียนกับสื่อ 

 

 

            ด้าน ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย สภาทนายความฯ กล่าวว่า เคสนี้ ตนคิดว่ามันมีอะไรแปลก ๆ เพราะว่า ขบวนการในสืบนั้นได้สืบจนได้ข้อสรุปแล้ว ซึ่งทั้งธนาคาร และตำรวจเองก็ยอมรับแล้วว่าคุณต๋องเป็นผู้เสียหาย และตกลงแล้วว่า เงินดังกล่าวต้องเป็นของกลาง ดังนั้นต้องเอาเงินมาคืนผู้เสียหาย ขณะที่เรื่องแบบนี้ยิ่งช้าก็ยิ่งเกิดความไม่ยุติธรรม ตนคิดว่าตำรวจต้องมีความชัดเจนให้ประชาชนมากกว่านี้ ตนคิดว่าอาจจะเข้าข่าย มีความผิดเบียดบังยักยอกทรัพย์ มีโทษจำคุก 5-20 ปี  

 

            ฟาก รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี เผยว่า ตอนนี้แคชเชียร์เช็คยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ อยู่ในตู้เซฟของโรงพัก ต้องรอหนังสือยืนยันจากธนาคารกลับมาว่าเป็นการดูดเงินจริงหรือไม่ หรือเกิดจากการทำธุรกรรมของผู้แจ้งเอง หากพบว่าเป็นเงินของผู้เสียหายจริง ก็จะดำเนินการคืนเงินให้ ทั้งนี้โทรศัพท์ของผู้เสียหายเองก็ยังไม่ตรวสอบ และที่ตนยังไม่ส่งเรื่องไป เพราะ มันจะต้องส่งโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปด้วย ซึ่งตนต้องเป็นคนปิดฉลาก ดังนั้นแนะนำให้ผู้เสียหายเอาโทรศัพท์มาให้ตน 

 

 

            ทั้งนี้ ทางทีมงานรายการถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยังธนาคารที่คุณต๋อง อ้างว่า เป็นธนาคารที่มีเงินอยู่ในบัญชี แต่อยู่ๆ ดี เงินถูกดูดออกไปจากจาก Application Mobile Banking ของธนาคารดังกล่าว ซึ่งทางธนาคารขอชี้แจงผ่านรายการ ดังนี้ 

 

- เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของระบบธนาคารแต่อย่างใด และไม่ปรากฎข้อเท็จจริงใดว่า คุณต๋องติดตั้ง App ดูดเงิน

 

- จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าการทำรายการผ่าน Application Mobile Banking ของธนาคารทำผ่านมือถือของคุณต๋อง และมีการเข้ารหัสเพื่อยืนยันการทำรายการตามขั้นตอน

 

- ธนาคารให้ความช่วยเหลือลูกค้า และให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลสนับสนุนกับพนักงานสอบสวนอย่างต่อเนื่อง 

 

- ธนาคารได้ดำเนินการอายัดบัญชีปลายทางตามคำสั่งพนักงานสอบสวน และนำส่งเงินให้เป็นของกลางกับพนักงานสอบสวนแล้ว

 

            ขณะเดียวกัน ทางทีมงาน ได้มีการตรวจสอบข้อมูล พบว่า บัญชีปลายทางที่เงินถูกโอนออกไป เป็นบัญชีของเว็ปพนัน