อู่แสบทำพิษ ! หนุ่มร้องสื่อ เอารถซ่อม จอด 2 เดือน จ่ายสด 6 หมื่น แต่ไม่ยอมซ่อม ! : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

หนุ่มร้อง นำรถเข้าซ่อมอู่คนรู้จัก จอดนาน 2 เดือน แถมยังจ่ายเงินมัดจำด้วยเงินสดไป 6 หมื่น แต่อู่ก็ไม่ยอมซ่อม พอจะไปเอารถออก กลับให้จ่ายเพิ่ม 3 หมื่น  ! 

 

 

            วันที่ 14 เม.ย. 66 ณัฐพงศ์ สุดใจ (ณัฐ) เจ้าของรถ เล่าว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 65 รถของตนเกิดอุบัติเหตุหนัก ถึงขั้นถุงลมนิรภัยแตกทั้ง 3 ลูก ซึ่งประกันของตนยอมคืนทุนให้ 100,000 แล้วขาดจากการเป็นประกัน เพราะว่ามันหนักมาก จากนั้นเพื่อนของตนก็ได้ทักมาให้เอารถไปซ่อมกับอู่ของแฟนเขา แต่ตนมีงบแค่ 100,000 บาท ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าซ่อมได้ตามงบนี้ ตนก็ได้เอารถเข้าอู่ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 65 จากนั้นวันที่ 20 ต.ค. 65 จึงได้วางเงินประกันจำนวน 60,000 บาท โดยที่ก่อนหน้านั้นอู่ไม่ได้ซ่อมอะไรเลย  

            

            เมื่ออู่ได้เงินไป ก็บอกว่าจะสั่งอะไหล่ นัดวันกันแล้วก็ยังไม่ได้อะไหล่สักที ผลัดตน ไป 2 รอบ ตนเห็นว่ามันนานเกินไปแล้ว จึงจะไปนำรถออก เพื่อไปซ่อมที่อื่น แต่เขาก็ไม่ให้นำรถออก โดยถ้าจะเอารถออกเขาให้ทำสัญญา ว่ามันมีค่าจอดรถเพิ่มมาอีก 30,000 บาท ซึ่งก็ไม่ได้บอกตนล่วงหน้าเลย ขณะเดียวกัน ตนได้ขอให้เขาหักออกจากค่าอะไหล่ที่ตนให้เขาไป 60,000 แต่เขาก็ไม่ยอม อ้างว่า เงินจำนวนนี้สั่งอะไหล่ไปหมดแล้ว ตนจึงได้ขอเบอร์ร้านที่เขาสั่งอะไหล่ เพื่อจะโทรไปติดต่อขายคืนอะไหล่เหล่านั้น แต่เบอร์ที่เขาให้มามันก็ไม่ติด สุดท้าย จึงไปคุยกันที่ศูนย์ดำรงธรรม ได้ข้อสรุปว่า หากจะเอารถออกจากอู่เขา ต้องเอาเงินไปให้อู่ 13,000 บาท เพื่อเอารถออก และรออะไหล่ แต่อะไหล่ก็ยังไม่มา จนตนไม่ไหว ต้องทำเรื่องคืนรถกับไฟแนนซ์ไป เพราะผ่อนลมมานานจนไม่ไหว สุดท้ายนี้ตนอยากได้เงินของตนคืน 

 

 

            ด้าน มาร์ค เจ้าของอู่ เล่าว่า ตนได้ดำเนินการหาอะไหล่ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 65 แต่ตนได้มาสั่งของเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 65 วันที่ไปตกลงกันที่ศูนย์ดำรงธรรม จากนั้นอะไหล่มาถึงตนวันที่ 29 พ.ย. 65 ส่วนเรื่องที่ตนใช้เครดิตอู่ไปซื้ออะไหล่นั้น ตนไม่ได้เคยพูดแบบนั้น เพราะการใช้เครดิตซื้ออะไหล่ ใช้ได้กับประกัน และเงินสด ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ไม่ยอมคืนเงินเขาแน่นอน เพราะว่าตนสั่งอะไหล่มาแล้ว ตนก็เสียหาย มันไม่สามารถเอาไปขายคืนได้

 

 

            ฟาก รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่า ในเคสนี้ ลูกค้าต้องการจะเปลี่ยนอู่ซ่อม แล้วมีการจ่ายเงินไปแล้ว ดังนั้นต้องดูว่าอู่มีค่าเสียหายอย่างไรบ้าง มีค่าแรงอย่างไร ซึ่งต้องไปดูราคากลางของอู่ในละแวกนั้น ทั้งนี้ถ้าอู่ไม่ได้มีการสั่งอะไหล่ หรือค่าเสียหายใด ๆ แล้วมาเรียกเก็บค่าจอดเยอะ ๆ ตนว่ามันเกินไป ทั้งนี้แนะนำให้ผู้เสียหาย แจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดี ตรวจสอบว่าในกรณีนี้อู่ฉ้อโกงอะไหล่เขาหรือเปล่า 

 

            ทั้งนี้ระหว่างรายการ ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงกันลงตัว โดยฝั่งเจ้าของอู่ ยินยอมจะจ่ายเงินคืนจาก 60,000 ยอมจ่ายคืน 33,000 บาท ในวันที่ 30 เม.ย. 66 ก่อน 15.00 น. ถ้าหากไม่จ่ายคืน ให้ไปดำเนินคดีตามกฎหมายได้เลย ส่วนด้านเจ้าของอู่ก็ยอมรับเงินจำนวนนี้ แม้มันจ