สาวร้อง พ่อถูกรถชนดับ แต่ ตร. เรียกค่าทำคดี 2.5 แสน ขู่ “ไม่จ่าย = ไม่ทำคดี”

ฉาววงการ ตร. หลังสาว ออกมาร้องสื่อ เพราะถูกพนักงานสอบสวนเรียกเก็บเงินค่าทำคดี 250,000 ผ่านมากว่า 3 เดือนคดียังนิ่ง ! 

 

 

            วันที่ 10 เม.ย. 66 จันทร์ธิดา พิทักษา (วุ้นเส้น) ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย กาย สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา เล่าว่า พ่อของตนถูกรถชนท้ายจักรยานยนต์ จนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งคู่กรณีไม่ได้หนีไปไหน ยอมรับ และพร้อมเยียวยาทุกอย่าง โดยเขาจะเยียวเบื้องต้นจากประกันของคู่กรณี โดยจะเยียวยา 500,000 บาท ทว่า ตำรวจกลับมาขู่ว่าฝ่ายตนผิด เพราะรถของพ่อไม่มี พ.ร.บ. ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับเงินเยียวยา แต่ถ้าหากยอมจ่ายให้ตำรวจ 250,000 บาท เขาจะทำคดีให้ ซึ่งตนไม่ตกลง จนทำให้ผ่านมาแล้วกว่า 3 เดือนคดียังไม่คืบ 

 

            คุณวุ้นเส้น เล่าเพิ่มว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 66 พ่อของตนเกิดอุบัติรถชน โดยคู่กรณีคือนายสมนึก ขับรถชนท้ายพ่อของตน เป็นเหตุให้เสียชีวิตในเวลาต่อมาวันที่ 24 ม.ค. 66  ต่อมาวันที่ 26 ม.ค. 66 ตนจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พร้อมกับคู่กรณี โดยคู่กรณียอมรับข้อกล่าวหาทุกอย่าง ยินดีพร้อมจะเยียวยา โดยทางประกันของรถจักรยานยนต์คู่กรณี จะเยียวยาเบื้องต้นก่อน 500,000 บาท จากนั้นวันต่อมา ร้อยเวรที่ทำคดีได้โทรเรียกตนให้มาหาที่ สภ.ลำปลายมาศ เมื่อไปถึงก็เรียกให้ตนไปคุยนอกโรงพัก โดยร้อยเวรก็ให้คุยกับคนที่อ้างว่าเป็นทนาย ซึ่งทนายก็พูดมาตรง ๆ ขอเงิน 250,000 แต่ตนปฏิเสธเนื่องจากมันเยอะเกินไป ทว่าร้อยเวรก็ได้โทรมาอีกรอบ แจงว่า มันเป็นค่า ดำเนินการของคดีนี้ ขู่ตนว่ารถของพ่อไม่มี พ.ร.บ. จะทำให้ไม่ได้รับเงินเยียวยา เพราะจะกลายเป็นฝ่ายผิด หากจ่าย 250,000 บาทเขาจะจัดการให้ ตนเอะใจจึงเริ่มบันทึกเสียงเอาไว้

 

 

            ต่อมาร้อยเวรคนดังกล่าวต่อรองตนเหลือ 50,000 ตนเลยยินยอมเขา เพราะตนไม่อยากจะเดินทางหลายรอบ ตนอยู่ จ.ประจวบ ต้องเดินทางไป จ.บุรีรัมย์ แต่เมื่อตนเดินทางไปถึง ร้อยเวรให้ตนเซ็นเอกสาร โดยในเอกสารระบุว่า "ผู้เสียหายได้รับการเยียวยาแล้ว 50,000 บาท และจะไม่ดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น" ตนอ่านแล้วตนรู้สึกว่ามันไม่ใช่ จึงไม่เซ็น เนื่องจากตนยังไม่ได้รับเงินเลยสักบาทเดียว ทางร้อยเวรจึงขอตนเพิ่มเป็น 30,000 บาท คราวนี้ตนก็ปฏิเสธอีกเช่นเคย เพราะตนไม่มีให้ 

 

 

            ตอนนี้ผ่านมากว่า 3 เดือนแล้ว แต่คดียังไม่คืบ ร้อยเวรยังไม่ทำอะไรเลย ใจจริงแล้วตนไม่ได้อยากมาออกสื่อ เพราะสงสารครอบครัวของตำรวจคนดังกล่าว เคยไปบอกเขาแล้วว่าตนมีหลักฐานที่เขารับสินบน แต่เขาก็ยังเฉย ทั้งนี้ร้อยเวรได้โทรมาหาตน บอกไม่ให้ตนมาออกสื่อ ตนเลยกลัวว่าที่ตนมาออกสื่อ จะทำให้เขาไปก่อกวนครอบครัวของตน  

 

 

            ด้าน อาชาน โอภาสธนากูล (ตี๋) ทีมงานสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ตอนแรกที่ตนรับเคสนี้มา คิดว่าเป็ฯที่เอกสารทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินเยียวยา แต่พอตนตรวจสอบแล้วว่าเอกสารมันไม่ได้มีปัญหา มันเป็นที่กระบวนการ ตนจึงประสานไปยัง พ.ต.อ. สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.ลำปลายมาศ ขอให้ท่านช่วยตรวจสอบ และฝากให้ท่านตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้อยเวรคนดังกล่าว ซึ่งท่าน ผกก. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจช่วยตรวจสอบ และส่งเรื่องให้  

 

            ฟาก พ.ต.อ. สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.ลำปลายมาศ เผยว่า ตนได้รับเรื่องจากสายไหมต้องรอดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 66 ซึ่งตนก็ได้ทำการเร่งรัดคดี และจะสรุปสำนวนให้เสร็จสิ้นในวันที่ 11 เม.ย. 66 อย่างไรก็ตามเคสนี้คาดว่าเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทำผิดจริง ขณะเดียวกัน ตอนนี้ได้มีคำสั่งย้ายพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่น รวมทั้งมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นของเงิน 250,000 บาทแล้ว สำหรับเรื่องความปลอดภัยของผู้เสียหาย ตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เอาตำแหน่งของตนเป็นตัวการันตีได้เลย ทั้งนี้ เมื่อข่าวนี้ออกไป ประชาชนอาจจะมองข้าราชการตำรวจไม่ดี แต่ตนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดี ๆ มีเกิน 99.99 % 

 

 

            ด้าน รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า ตามปกติแล้ว แม้รถที่เราควบคุมอยู่จะไม่มี พ.ร.บ. แล้วดันไปเกิดอุบัติเหตุ พ.ร.บ.จ่ายทุกกรณี อยู่ที่ว่าจะจ่ายในวงเงินเท่าไหร่ ถ้าเป็นฝ่ายผิดได้ 35,000 บาท หรือหากไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ได้เงิน 500,000 บาท โดยในเคสนี้ เอา พ.ร.บ. ของคู่กรณีที่ชนท้ายมาจ่าย 500,000 บาท ส่วนเรื่องของตำรวจ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ในข้อหาเจ้าหน้าที่รับสินบน 

 

            ขณะที่ผู้เสียหาย ให้รอไปให้คำให้การกับตำรวจอีกครั้ง หลังจากที่ร้อยเวรคนดังกล่าว โดนสอบสวนวินัยเสร็จแล้ว เขาจะได้เอาคำให้การไปใช้ในศาลอาญา