logo เช้านี้ที่หมอชิต

อัจฉริยะ จี้เอาผิด นายพล อ. และลูก ลักรถ อดีต ผกก.โจ้ ขาย | ขยายข่าว กับ กาย สวิตต์

เช้านี้ที่หมอชิต : เช้านี้ที่หมอชิต - อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ รับมอบอำนาจจาก ผู้กำกับโจ้ ถุงดำ แจ้งความกองปราบฯ เอาผิด นายพล อ. ผู้ยิ่งใหญ่ใน ปปง. ข่าว,ช่อง7สี,ช่อง7HD,กด35,ข่าวช่อง7,CH7HD,รายการ,ดูย้อนหลัง,คลิปย้อนหลัง,CH7HDNEWS,ข่าวการเมือง,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวบันเทิง,ข่าวโซเชียล,ข่าวออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวอาชญากรรม,ข่าวกีฬา,ข่าวภูมิภาค,ข่าวด่วน,ข่าวเด็ด,ข่าวร้อน,ข่าวสด,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ch7 news,เช้านี้ที่หมอชิต,ข่าวเช้า,ข่าวเช้าช่อง 7,เช้านี้ที่หมอชิตวันนี้,เช้านี้ที่หมอชิต ล่าสุด,เช้านี้ที่หมอชิต ช่อง7,TERO Digital

248 ครั้ง
|
06 เม.ย. 2566
เช้านี้ที่หมอชิต - อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ รับมอบอำนาจจาก ผู้กำกับโจ้ ถุงดำ แจ้งความกองปราบฯ เอาผิด นายพล อ. ผู้ยิ่งใหญ่ใน ปปง.กับลูกชายนายตำรวจ ฐานเป็นตัวการลักทรัพย์ รถยนต์ 13 คัน มูลค่า 25 ล้านบาท ของผู้กำกับโจ้ไปขาย
 
เมื่อบ่ายวานนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปที่ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม แจ้งว่าได้รับมอบอำนาจจากอดีตผู้กำกับโจ้ ให้มาดำเนินคดีกับขบวนการที่ร่วมกันลักรถยนต์ของอดีตผู้กำกับโจ้ไปขาย โดยมี นายพลชื่อย่อ อ. ที่เป็นผู้ใหญ่ในสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และลูกชายที่เป็นตำรวจ เป็นตัวการร่วมกับทนายความ และบริษัทสินเชื่อรถยนต์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ขนส่งที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
 
เนื่องจากเมื่อปี 2564 หลังผู้กำกับโจ้ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำแล้วนั้น นายพล อ. ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 รับผิดชอบดูแลคดีนี้ ได้บอกว่าจะจัดการทุกอย่าง รวมถึงหาทนายความให้ แต่ต่อมานายพลคนดังกล่าวกับลูกชาย กลับร่วมกันปลอมเอกสารเพื่อลักรถที่เก็บไว้ที่จังหวัดนครสวรรค์ 2 คัน และที่บ้านที่รามอินทราอีก 11 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อ Toyota Camry, BMW, Porsche, Volkswagen, Ford รวมมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท และเป็นป้ายทะเบียนราคาแพง ไปขายต่อ เพราะเห็นว่าอดีตผู้กำกับโจ้ โดนตัดสินอัตราโทษสูง ไม่น่าจะได้ออกมาจากเรือนจำแล้ว
 
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่าคดีนี้ สืบเนื่องจากผู้กำกับโจ้ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำคลองเปรม วันที่ 4 กันยายน 2564 แต่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้น้องสาวชื่อ จูน แต่งตั้งให้ นายณัฐ เป็นทนายความ ต่อมานายณัฐได้ทำการหลอกลวง นำหนังสือมอบอำนาจของพันตำรวจเอกธิติสรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ ไปหลอกลวงน้องสาวของผู้กำกับโจ้ ให้เซ็นสัญญาซื้อขายรถยนต์ โดยให้ลงลายมือชื่อ แต่ไม่ระบุข้อความใด ๆ และได้ให้เซ็นชื่อสำเนาบัตรประชาชน ระบุว่า ใช้เฉพาะซื้อขายโอนรถยนต์ของพันตำรวจเอกธิติสรรค์
 
ต่อมา จูน น้องสาวสามารถติดต่อผู้กำกับโจ้ได้ จึงทราบความจริงว่าถูกหลอก และได้ทวงถามเอกสารคืนจากทนายความของผู้กำกับโจ้อีกคน ที่ดูแลคดีหลักให้ พร้อมไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ตลิ่งชัน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565
 
ทั้งนี้ จูน น้องสาวผู้กำกับโจ้ ได้รับหนังสือชี้แจงจากนายณัฐ ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ว่า ได้ส่งให้นายตำรวจยศ ร.ต.อ.ลูกชายของนายพล อ. ไปหมดแล้ว และนายณัฐได้นำแช็ตไลน์ที่ได้คุยกับ ร.ต.อ. ส่งให้จูน น้องสาวผู้กำกับจ้ทราบว่า ร.ต.อ.คนดังกล่าวได้ใช้โอนรถไปหมดแล้ว
 
ต่อมาได้มีการนำรถยนต์ของพันตำรวจเอกธิติสรรค์ พร้อมป้ายทะเบียน โดยปลอมลายมือชื่อ และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ โดยทำกันเป็นขบวนการ ที่มีเจ้าหน้าที่บริษัท ลิสซิ่ง ทำการขอโอนและรับโอนรถยนต์ทั้งสิ้นรวม 13 คัน โดยรถยนต์สูญหายไปจากสถานที่เก็บรักษา โดยที่ผู้กำกับโจ้ไม่เคยอนุญาต หรือมอบหมายให้บุคคลใดนํารถทั้ง 13 คัน ออกไปจากสถานที่เก็บรักษาทั้งสิ้น มูลค่ารวมกว่า 25 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ขบวนการดังกล่าวได้นำรถยนต์ของผู้กำกับโจ้ไปทั้งสิ้นรวม 17 คัน แต่เมื่อจูน น้องสาวของผู้กำกับโจ้ทราบเรื่องว่าถูกหลอกให้ขายรถ และทำหนังสือทวงถามไปที่ทนายความ กลุ่มขบวนการนี้ก็มีการนำรถมาคืนให้จำนวน 4 คันเท่านั้น
 
สำหรับ ผู้กำกับโจ้ หรือพันตำรวจเอกธิติสรรค์ หลังจากถูกจับกุมตัวข้อหารีดไถเงินผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 2 ล้านบาท โดยใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาชาย จนเสียชีวิตภายใน สภ.เมืองนครสวรรค์ ก็ถูกตรวจบัญชีทรัพย์สินพบว่าครอบครองรถหรูถึง 24 คัน มีครบทั้งรถสปอร์ต-ซูเปอร์คาร์ ลัมโบร์กินี ปอร์เช่ เฟอร์รารี่ มินิคูเปอร์ และเบนซ์ จนได้ฉายาว่า โจ้ เฟอร์รารี่ ซึ่งการออกมาแจ้งความของนายอัจฉริยะ ก็ทำให้เห็นว่าทรัพย์สินของผู้กำกับโจ้ยังมีอีกจำนวนมาก แถมยังเป็นที่ดึงดูดของบุคคลบางกลุ่มอยู่เสมอ
 
ทั้งนี้ ทางด้าน พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องการขายรถอดีตผู้กำกับโจ้ และแฟนสาว กับทนายความของเขาต่างหาก ที่ติดต่อมาขอให้ขายรถให้หน่อย เพราะจำเป็นจะต้องใช้เงิน ประกอบกับลูกชายมีอาชีพขายรถมือสองอยู่แล้ว และด้วยความเห็นใจ ก็เลยให้ลูกช่วยขายรถให้
 
พอขายรถได้เงินมา ก็ได้ให้เงินกับแฟนสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ไปหมดแล้ว แต่บางคันที่เป็นรถหรู ขายไม่ได้ เพราะติดไฟแนนซ์ ก็ได้ช่วยทำเรื่องคืนไฟแนนซ์ไป ส่วนเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร ก็เป็นทนายของอดีตผู้กำกับโจ้นั่นแหละ ที่เป็นคนเอาเอกสารมาให้ และตนยังถือเป็นผู้เสียหายอีกด้วย เพราะเมื่อขายรถไปแล้ว ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งอายัดรถทั้งหมด ตนจึงต้องเป็นคนคืนเงินให้คนที่มาซื้อรถอีกตั้งหลายแสนอีกด้วย ก็ไม่รู้ว่าคุณอัจฉริยะ จะออกมาพูดแบบนี้ทำไม
 
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35 
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/T6JPwdyxqq4