นายพล ป. - ศักดิ์ พระราม 3 ย่องให้ปากคำกองปราบฯ ปมเงิน 6 ล้าน

เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีเงิน 6 ล้านที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์นำไปบริจาคให้โรงพยาบาล แล้วต่อมาทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิดออกมาแฉว่าเป็นถุงเงินจากสารวัตรซัว พร้อมเปิดหลักฐานเป็นภาพถ่ายที่มีตัวละครสำคัญอยู่ในภาพขณะพบกับนายชูวิทย์ คือ นายพล ป.และศักดิ์ พระราม 3 ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้นำถุงเงินจากสารวัตรซัวไปมอบให้นายชูวิทย์ ล่าสุดคนทั้งคู่เข้าพบตำรวจกองปราบปรามแล้วเพื่อให้ข้อมูลในฝั่งของตัวเอง

 

เมื่อเวลา 14.00 น.ของเมื่อวานนี้ นายพล ป. และ นายศักดิ์ พระราม 3 ซึ่งถูกระบุตัวตนในภาพถ่ายขณะที่เดินทางไปพบกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และต่อมานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มระบุว่าทั้งคู่เป็นผู้นำถุงเงินจากสารวัตรซัวไปมอบให้นายชูวิทย์ ล่าสุดทั้งคู่ได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามแล้ว โดยทั้งสองคนติดต่อเข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจด้วยตัวเอง

 

พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่ากรณีที่ทั้งสองถูกพาดพิงว่าเป็นผู้นำเงินมาให้นายชูวิทย์นั้น เบื้องต้นทั้งคู่บอกว่าเป็นเพียงแค่คำกล่าวอ้างของบุคคลที่ออกมาให้ข้อมูลเท่านั้น ส่วนนายพล ป. และนายศักดิ์ พระราม 3 ที่เข้ามาให้ข้อมูลในวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กล่าวอ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นของสารวัตรซัวนั้น จากคำให้การกับพนักงานสอบสวนของนายชูวิทย์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่าไม่ตรงกันกับที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยในคำให้การระบุว่า เงินจำนวนดังกล่าว ได้มาจากคนธุรกิจอาบอบนวดมามอบให้ ก่อนที่นายชูวิทย์จะนำเงินดังกล่าวมาทำบุญ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปในสำนวนต่อไป

 

ประเด็นเรื่องนายชูวิทย์ที่ตั้งต้นจากถุงเงิน 6 ล้าน นำไปสู่การปะทะกันกับทนายตั้ม แล้วตอนนี้ทนายตั้มเองก็เปิดศึกรอบด้านทั้งในวงการทนายความและกับนายชูวิทย์

 

ล่าสุด นายชูวิทย์โพสต์อีก ในชื่อเรื่องว่า ปฏิบัติการ ล้มชูวิทย์ ใจความสำคัญของโพสต์นี้คือ นายชูวิทย์ชี้ให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวของบุคคลที่นายชูวิทย์เรียกว่า ทนายโจรเด็ก เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการล้มตนเอง โดยระบุว่า แต่ทนายคนนี้เป็นเพียงเด็กที่ยอมเป็น ม้ารับใช้ ได้ผลตอบแทนแค่เศษเงินจากคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง บุคคลดังกล่าวเป็นนายตำรวจใหญ่ที่ผมเคยคุยตอนแฉจีนเทา ร่วมมือกับสื่อเฒ่าสีเทาจัด ที่เสียผลประโยชน์จากการต่อต้านกัญชาเสรีของผม ใช้ทนายเด็กเป็น เบี้ย ออกหน้าแทน เริ่มจากการแฉถุงขนม 6 ล้าน ทั้งที่รู้เรื่องราวดีอยู่ว่าผมเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล 2 แห่ง เรียบร้อยแล้ว เปิดเกมรุก แล้วดันตกม้าตาย กลับกลายเป็นเกมถอย นายชูวิทย์ทิ้งท้ายว่า แต่ในเมื่อกล้าที่จะเปิดศึก ผมก็พร้อมชน ไม่ว่าเด็กไม่ว่าแก่ เมื่อชนมาก็ต้องชนตอบ อยู่ที่ใครจะอึดกว่ากัน หากพลาดครั้งเดียวก็หมายถึงล้มได้ทั้งยืน ผมเคยล้มมาแล้ว 99 ครั้ง หากครั้งนี้ล้มอีกจะเป็นไร? แต่อย่าให้คนอย่างผมได้ชน งานนี้ ไม่มีได้ไม่มีเสีย ผมล้มทั้งกระดาน นอกจากในโพสต์ นายชูวิทย์ยังมีข้อความในคอมเม้นท์อีกเกี่ยวกับสงคราสีเทา โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า ว่า ในโลกของสงครามสีเทา งานศพสำคัญกว่าคนตาย ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ดีหรือร้าย อย่าไปคาดหวัง เพราะนี่คือเส้นทางที่ผมเลือกเอง