เจาะลึก บ้านใหญ่-ตระกูลดัง ในศึกเลือกตั้ง 66 วาระคนไทย กับ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย จะพาไปวิเคราะห์ว่าในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย พรรคไหนจะได้คะแนนมากที่สุด โดยอ้างอิงจากข้อมูลการเลือกตั้งในปี 2562
วันที่ 7 เม.ย. 66 รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า การคาดการณ์การเลือกตั้งมีข้อจำกัดหลายอย่าง ตนจึงรวบรวมข้อมูลการเลือกตั้งจากปี 2562 และการแบ่งเขตมีผลต่อการเลือกตั้งอย่างมาก ยอมรับว่าคำตอบจากข้อมูลที่ได้มาอาจจะขัดกับกระแสที่เป็นอยู่
อาจารย์ธนพร จะเปรียบเทียบจากคะแนนของแต่ละเขตเมื่อปี 2562 กับลักษณะการแบ่งเขตของปี 2566 แต่ยังไม่ได้คำนวณจากการย้ายพรรคของนักการเมือง ซึ่งข้อมูลในอดีตจะไม่มีอคติหรืออะไรทั้งสิ้น ไม่มีความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง สิ่งที่จะคาดการณ์จะเป็นข้อเท็จจริงที่เคยเกิดขึ้น โดยจะยกตัวอย่างในแต่ละพื้นที่ว่าจะมีผลคะแนนเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไร
เริ่มที่ภาคเหนือ จะมีทั้งหมด 68 เขต คาดการณ์ พรรคเพื่อไทยจะได้ 31 ที่นั่ง กลุ่มพรรคพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้าง ชาติได้ สส.รวมกัน 30 ที่นั่ง พรรคก้าวไกล 4 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ 1 ที่นั่ง ภาครวมทางภาคเหนือเพื่อไทยจะเป็นแชมป์ แต่ถ้านับรวมการย้ายพรรคอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
ภาคสาน มีทั้งหมด 133 เขต คาดการณ์ พรรคเพื่อไทยจะได้ 90 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 22 ที่นั่ง กลุ่มพรรคพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้าง ชาติได้ สส.รวมกัน 19 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 1 ที่นั่ง พรรคก้าวไกล 1 ที่นั่ง จากการคาดการณ์นี้ภาคอีสานก็ยังเป็นของเพื่อไทย แต่จะไม่ได้ห่างกันมากหากเอาพรรคอื่นมารวมกัน ดังนั้นการแลนด์สไลด์จึงอาจทำได้ยาก พรรคเพื่อไทยจะต้องทำคะแนนภาคอีสานให้ได้ถึง 120-130 ที่นั่ง
ภาคใต้ มีทั้งหมด 60 เขต คาดการณ์ว่า เพื่อไทยอาจจะเจาะได้ยาก ส่วนแชมป์ของภาคใต้ยังคงเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 28 ที่นั่ง กลุ่มพรรคพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้าง ชาติได้ สส.รวมกัน 15 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 15 ที่นั่ง พรรคประชาชาติ 7 ที่นั่ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ที่นั่ง ดังนั้นภาคใต้จะไม่มีที่สำหรับพรรคเพื่อไทย
ภาคกลาง รวมกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 139 เขต กลุ่มพรรคพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้าง ชาติได้ สส.รวมกัน 54 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยจะได้ 31 ที่นั่ง พรรคก้าวไกล 25 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 15 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 7 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 7 ที่นั่ง ดังนั้นภาคกลางเป็นพื้นที่หลักของกลุ่มพรรคพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติ แต่เป็นจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย
ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ มีทั้งหมด 33 เขต การคาดการณ์ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก เนื่องจากมีเขตเพิ่มขึ้นมา 3 เขต แต่จะได้ผู้ชนะหน้าเดิม พรรคเพื่อไทยจะได้ 9 ที่นั่ง พรรคก้าวไกล 11 ที่นั่ง กลุ่มพรรคพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้าง ชาติได้ สส.รวมกัน 13 ที่นั่ง
มาเจาะลึกกันที่จังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งหมด 10 เขต ทุกคนจะรู้กันว่าคือเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นไปได้ยากที่จะเสียคะแนนให้กับพรรคอื่น การกำหนดเขตใหม่ทำให้มีการหมุนเวียนผู้สมัคร อาจจะทำให้คะแนนของผู้สมัครเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง นอกจากนี้ปัญหาของเชียงใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น มากกว่าปัญหาในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการจราจรหรือฝุ่นควัน อาจจะทำให้ชาวเชียงใหม่เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่นได้ ซึ่งคู่แข่งที่น่ากลัวคือพรรคก้าวไกล
เขตที่น่าสนใจที่สุดของเชียงใหม่คือเขต 9 ซึ่งเคยเป็นเขต 8 เดิมในปี 62 แต่ปรับเปลี่ยนเพียงแค่บางอำเภอ แต่อำเภอที่ตัดออกไปเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจทำให้ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ ซึ่งเป็นการอ้างอิงคะแนนจากข้อมูลเก่าในปี 2562
ส่วนจังหวัดพะเยา มีทั้งหมด 3 เขต คาดว่าพรรคพลังประชารัฐน่าจะเอาชนะได้อย่างง่ายดายทั้ง 3 เขต เพราะการทำงานของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ เชื่อได้ว่านอนมาแน่นอน และอีกปัจจัยหนึ่งคือผู้ที่เป็น สส.ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ได้ย้ายเข้าไปสู่ระบบบัญชีรายชื่อจึงทำให้ไม่มีคู่แข่งในพื้นที่นี้
การวิเคราะห์นี้เป็นการนำสถิติจากปี 2562 มาวิเคราะห์ แต่ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นกระแสสังคม หรือการย้ายพรรคของนักการเมือง อาจารย์ธนพรมองว่าอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคะแนนขึ้นมาได้ แต่ข้อมูลที่ได้พูดมาทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์ก่อนการประกาศย้ายพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะนำไปวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ในอนาคต ซึ่งทุกอย่างสามารถพลิกผันได้ เนื่องจากมีการเพิ่มเขตเลือกตั้งมาอีก 50 เขต
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35