ศึกมวยนอกเวทียังไม่จบ ล่าสุด “ทนายตั้ม” เปิดภาพแฉอีก อ้าง “ชูวิทย์” รับเงินจากคนของ “สารวัตรซัว” พร้อมจี้เปิดชื่อ 2 นายพล ด้าน “ชูวิทย์” มอบหมาย “ทนายเปี๊ยก” ดำเนินคดี “ทนายตั้ม” พร้อมเย้ยคนละรุ่นกัน
ถือเป็นมวยถูกคู่ ที่คนในสังคมให้ความสนใจ ภายหลังนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดโปงพฤติกรรม “แฉไป ไถไป” ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่มีการรับเงินจากกลุ่มธุรกิจพนันออนไลน์ เป็นเงินสดหลายสิบล้านบาท และรับเงินดิจิทัลอีกกว่า 50 ล้านบาท โดยนำเงินบางส่วนไปบริจาคโรงพยาบาล ขณะที่นายชูวิทย์ ยอมรับว่า มีการรับเงินกลุ่มธุรกิจสีเทาจริง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ทนายชื่อดังรับงานใครมานั้น
ล่าสุดเช้าวันนี้ “ทนายตั้ม” ได้เปิดศึกยก 2 หลังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เป็นภาพที่อ้างว่าเป็นคนของ “สารวัตรซัว” ที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ นำเงินไปให้นายชูวิทย์ เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบนโต๊ะวันนั้น ยังมีตำรวจระดับ “นายพล” อีก 2 คนอยู่ด้วย คนแรกเกษียณแล้ว เป็นคนสนิทของนายชูวิทย์ ส่วนอีกคน มีตำแหน่งสำคัญเกี่ยวกับการปราบปรามพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นคนสำคัญ
ช่วงท้าย “ทนายตั้ม” ระบุให้นายชูวิทย์ ออกมาเปิดชื่อบุคคลดังกล่าว เพื่อประเทศชาติ แต่ถ้าไม่กล้าแฉ เพราะรับงานอะไรมา ช่วงอาทิตย์หน้า จะทำหน้าที่แฉแทนเอง ส่วนเงินโจรที่รับมา ถึงแม้เอาไปบริจาค จะหักค่าคอมมิชชั่นหรือไม่หัก ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เข้าข่ายฟอกเงิน โทษจำคุกสูงสุด 10 ปีต่อกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ฉะนั้นรับไปกี่รอบ อยากให้ลองคูณเอาเอง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ โดยช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ซอยเฉยพ่วง ตรงข้ามสวนจตุจักร เพื่อทำกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรี บางช่วงนายชูวิทย์ บอกว่า ตอนนี้กำลังมีขบวนการทำลายตนเองและลูก ๆ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงโพสต์ของ “ทนายตั้ม” ที่มีการเปิดภาพรับเงิน “สารวัตรซัว” ทางนายชูวิทย์ บอกว่า ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เนื่องจากตนเองและ “ทนายตั้ม” มันคนละรุ่นกัน
ทั้งนี้นายชูวิทย์ บอกว่า เมื่อโรงพยาบาลคืนเงินบริจาคมาแล้ว จะนำไปมอบให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่การฟอกเงิน แต่แค่เอาเงินให้โรงพยาบาลเท่านั้น เบื้องต้นมอบหมายให้ “ทนายเปี๊ยก” นายอนันต์ชัย ไชยเดช ดำเนินคดี “ทนายตั้ม”
ขณะทีทีมข่าวโทรศัพท์สอบถาม “ทนายเปี๊ยก” ยืนยันว่า ได้เป็นทนายความให้นายชูวิทย์ เพื่อดำเนินคดีกับ “ทนายตั้ม” จริง
ส่วนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ชี้แจงว่า นายชูวิทย์ ได้บริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อทราบว่า เงินที่ได้มา มีข้อสงสัยว่าอาจเป็นเงินธุรกิจผิดกฎหมาย จึงติดต่อขอคืนเงินบริจาคให้แก่นายชูวิทย์ แล้ว
ปิดท้ายที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า กรณีนายชูวิทย์ ยอมรับว่า คนของ "สารวัตรซัว" นำเงินมาให้นั้น ต้องพิจารณาก่อนว่า พนักงานสอบสวนมีอำนาจในการตรวจสอบหรือไม่ และเงินที่นายชูวิทย์ ได้มาเป็นเงินจากอะไร หากเป็นเงินกระทำผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ส่วนประเด็นโอนสกุลเงินดิจิทัล 50 ล้านบาท ให้บุตรของนายชูวิทย์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า มาจากบุคคลใด และเป็นเงินที่มาจากการกระทำผิดกฏหมายหรือไม่
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35