เช้านี้ที่หมอชิต - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดอกรับเงิน 2 ถุง 6 ล้าน ไม่มี 10 ล้าน 50 ล้าน บริจาคทั้งหมด ให้สังคมตัดสิน ความจริงหนึ่งเดียว ผิดจากนี้ขอให้วิบัติ เล่นงานพ่อไม่ได้ เล่นงานลูก ท้าให้ตรวจสอบ ถ้าลูกทำผิดดำเนินคดีได้เลย ถามกลับ ทนายตั้มรับงานใครมา จู่ ๆ ก็ออกมาทิ่ม
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เริ่มต้นด้วยการอัญเชิญรูปหล่อสัมฤทธิ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมกล่าวคำสัตย์ จากนั้นเดินไปที่ตาชั่งแล้วพูดว่า ความยุติธรรม ท่านตัดสินผมได้เลย แต่ความยุติธรรมอาจไม่มีจริง อาจจะเป็นเงิน
นายชูวิทย์ ชี้แจงว่า คนที่นำข้อมูลไปมอบให้ทนายตั้ม ชื่อ เปา เป็นคนที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ไม่มีพ่อแม่ เลี้ยงเหมือนลูก ส่งให้ไปเรียนที่โรงเรียน ภปร. เรียนจบออกมาก็คอยติดตามตน ช่วงที่ตนรับโทษจำคุก 10 เดือน มอบหมายให้ นายเปา เก็บค่าเช่าคอนโดฯ แต่เก็บเงินไม่ได้เลย กระทั่งออกจากคุกจึงทราบว่า ค่าเช่าเก็บได้ปกติ แต่นายเปาซุกไว้ ตนจึงต่อว่าและสั่งให้เอาเงินมาคืน นายเปาเอาเงินมาคืนแล้วลาออก ไปทำงานกับ สารวัตรซัว เพราะเรียนที่เดียวกัน นายเปา เป็นคนเนรคุณ
ส่วนเงิน 50 ล้านบาท ที่ นายษิทรา ระบุว่า เป็นเงินดิจิทัล ยืนยันว่าไม่ได้รับ ยอมรับว่าได้พบ แทนไท เพราะตำรวจยศพลตำรวจเอกนายหนึ่งพามาพบ ส่วนจะเป็นตำรวจคนเดียวกับที่พา แทนไท ไปพบ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือไม่ ตนไม่ทราบ ในวันนั้น แทนไท บอกว่าจะฟ้อง นายสนธิ ตนจึงเตือนว่าคิดผิด การมาพบดังกล่าวอยู่ในโรงแรม เป็นช่วงเวลากลางวัน พบกันอย่างเปิดเผย เรื่องเงินดิจิทัล ไปตรวจสอบได้เลย กล่องดวงใจผม ลูกชายผมทุกคน ที่ถูกกล่าวถึงน่าจะเป็น เติม เขาไม่ได้ทำการพนัน ถ้าเขาทำผิดจับได้เลย เล่นงานตนไม่ได้ก็เล่นงานลูก
กรณีเงินสารวัตรซัว 2 ถุง ถุงละ 3 ล้านบาท เอามามอบให้วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ไม่มีเจ้าของเว็บพนันมาด้วย นายตำรวจพามา ตนรู้จักมา 30 ปี ตั้งแต่ทำอาบอบนวด ยืนยันต่อหน้าพระ รับเงินไว้ 6 ล้านบาท เพราะแม้ตนจะปฏิเสธไม่รับ ขอให้นำกลับไป แต่เขายังยัดเยียดมาให้ ไม่ยอมรับคืน จึงนำ 3 ล้าน บริจาคโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ อีก 3 ล้าน บริจาคโรงพยาบาลศิริราช ที่ไม่ได้เอาไปให้ทันทีเพราะหมอยังไม่ว่าง ถ้าตนรับ 10 ล้าน ทำไมไม่เอาไปบริจาค 4 ล้าน เก็บไว้ 6 ล้าน หรือไม่เก็บไว้ทั้งหมด ไม่มี 10 ล้าน ไม่มี 50 ล้าน
นายชูวิทย์ กล่าวเชิงตั้งคำถามว่า ทนายตั้ม รับงานมาจากใครมาโจมตีตน ตนไม่โกรธ แต่งงที่จู่ ๆ มาทิ่มตนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยในช่วงเวลานี้ ตอนนี้มีแต่คนรุมทั้ง ทนายตั้ม, สนธิ ลิ้มทองกุล, สันธนะ ประยูรรัตน์ และ นายศรีสุวรรณ จรรยา
นายชูวิทย์ บอกด้วยว่า กรณี นายแทนไท ข้อมูลมีน้อยมาก เพราะเขาแปลงร่างไปทำในธุรกิจถูกต้อง จึงพูดได้ส่วนหนึ่ง
หลังจากแถลงข่าว นายชูวิทย์ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ เงินสีเทา เน้นชี้แจงอีกครั้งถึงเรื่องเงินที่ทนายตั้มบอกว่าได้มา 10 ล้าน นำไปบริจาค 6 ล้าน เก็บไว้ 4 ล้าน ซึ่งหากคิดเก็บไว้จริง ตนควรเก็บไว้มากกว่าที่บริจาคหรือไม่ หรือไม่ต้องบริจาคเลย เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ หากโรงพยาบาลไม่สบายใจ คืนเงินมา ตนก็ต้องนำเงินไปให้ตำรวจ ก็ไม่ทราบตำรวจจะทำอย่างไร เจตนานำเงินไปให้โรงพยาบาลเพื่อให้ช่วยเหลือคนเจ็บป่วยหรือคนตาย คนที่นำเงินมาให้เป็นนายตำรวจผู้ใหญ่ที่เกษียณแล้ว รู้จักมานาน จิตใต้สำนึกตนแยกแยะได้ว่าอะไรคือเงินของตน อะไรที่ไม่ใช่ การกระทำของตนย่อมมีคนเสียประโยชน์ที่พยายามเล่นงาน แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว เกมนี้เดิมพันด้วยชีวิตที่เหลืออยู่
โดยใต้โพสต์ นายชูวิทย์ ยังคอมเมนต์ด้วยว่า ใครต้องการเสื้อ วันนี้ไปพบตนได้ที่ซอยข้างธนาคาร TMB สำนักงานใหญ่ ตรงข้ามสวนจตุจักร
ต่อมา นายชูวิทย์ ได้โพสต์อีกครั้งว่า ศิริราช กับ ธรรมศาสตร์ ประสานมาแล้ว จะคืนเงินบริจาค ผมก็จะเอาเงินไปให้ตำรวจ รู้สึกสบายใจขึ้นไหมครับ
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม