เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ในช่วงเวลาประมาณเกือบ ๆ 21.00 น. เกิดเหตุอุกอาจกลางเมืองย่านเอกมัย เมื่อนักศึกษาสาวชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ไปทานอาหารที่ร้านอาหารย่านเอกมัย กับเพื่อนสาวชาวจีน ปรากฏว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บุกอุ้มขึ้นรถแบบไม่หวั่นเกรงกฎหมาย เราไปชมคลิปวันเกิดเหตุ และค้นหาคำตอบว่า เหตุใดคนกลุ่มนี้มาอุ้มสาวชาวจีนถึงใจกลางกรุงเทพ พวกเขาต้องการอะไร
นี่เป็นภาพอุกอาจสุด ๆ เรียกว่าเกิดขึ้นในย่านเอกมัย-ทองหล่อ ใจกลางเมืองหลวงเลยทีเดียว เมื่อคนร้ายพยายามกระชากหญิงสาว 1 ใน 2 คน ไปขึ้นรถตู้อัลพาร์ดสีดำที่กำลังจอดอยู่ ในช่วงเวลาประมาณ 20.46 น. ของวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ณ ลานจอดรถของร้านอาหารญี่ปุ่นย่านเอกมัย คนที่ถูกกระชากขึ้นรถ คือผู้หญิงที่เดินอยู่ทางขวาของท่านผู้ชมชื่อว่า เวิง เม่งลู่ ส่วนอีกคนชื่อว่า เสี่ยวอี้
ถัดมาอีก 1 วัน (17 มี.ค.) ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ว่าเธอถูกอุ้มขึ้นรถ มัดมือ มัดเท้า ปิดปาก แล้วรีดค่าไถ่ครอบครัวที่จีน ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนประมาณ 3 ล้านบาท ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา
นางสาวเวิง เม่งลู่ ผู้เสียหาย เล่าว่า วันที่ 16 มีนาคม ช่วงเวลาประมาณ 20.08 น. ตัวเองกับเพื่อนสาวชาวจีนชื่อ เสี่ยวอี้ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันได้ประมาณปีกว่า เดินทางมาทานอาหารที่ร้าน TORISAWA22 ถนนเอกมัย
จากนั้นเวลาประมาณ 20.26 น. ได้มีรถตู้อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 1ขค-6336 กทม. ได้ขับเข้ามาบริเวณลานหน้าร้าน ต่อมาเวลาประมาณ 21.53 น. ขณะที่ผู้เสียหายกับเพื่อนกำลังเดินออกจากร้าน เพื่อนผู้เสียหายได้มีการพยายามพาเดินไปใกล้รถตู้อัลพาร์ด ทางด้านซ้ายของรถ ได้มีชายที่นั่งอยู่ในรถได้เข้าบีบคอผู้เสียหาย แล้วกระชากตัวผู้เสียหายขึ้นไปบนรถตู้อัลพาร์ด โดยมีเพื่อนสาวของผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วย
ผู้เสียหาย เล่าว่า ตัวเองถูกปิดตา มัดมือ ปิดปาก จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ขับรถอัลพาร์ดออกไป ระหว่างที่อยู่บนรถ กลุ่มคนร้ายได้ข่มขู่จะทำร้ายร่างกายของผู้เสียหาย และบังคับให้ผู้เสียหายโอนคริปโตสกุล USDT จำนวน 200,000 USDT โดยผู้เสียหายได้ยอมโอนคริปโตให้ 8,014 USDT หรือประมาณ 270,000 บาท และโอนเงินสดประมาณ 250,000 หยวน หรือประมาณ 1,240,788 บาท
จากนั้นวันที่ 17 มีนาคม เวลา 08.15 น. คนร้ายได้ให้ผู้เสียหายติดต่อกับแฟนหนุ่ม เพื่อโอนเงินมาให้กลุ่มคนร้าย ต่อมาแฟนของผู้เสียหายจึงโอนเงินคริปโตอีก 50,000 USDT หรือประมาณ 1.7 ล้านบาท เข้ามายังแอปพลิเคชัน imtoken บัญชีของผู้เสียหาย เมื่อเงินเข้าบัญชีแล้ว กลุ่มคนร้ายได้นำโทรศัพท์มือถือไปดำเนินการโอนเงินต่อ โดยไม่ทราบว่าบัญชีปลายทางเป็นบัญชีใด จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ลบแอป imtoken ดังกล่าวของผู้เสียหายไป และลบรูปกับแชตในแอป Wechat ทั้งหมดที่มีการสนทนาระหว่างผู้เสียหายกับญาติที่ประเทศจีน ก่อนปล่อยผู้เสียหายลงรถในย่านมีนบุรี
ผู้เสียหายจึงใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ถ่ายภาพสถานที่ดังกล่าวไว้เวลาประมาณ 09.40 น. ซึ่งภายหลังก็ทราบว่าเสี่ยวอี้ก็ได้ถูกปล่อยตัวมาเหมือนกัน จากนั้นจึงได้เรียกแท็กซี่กลับมาที่พัก โดยแวะส่งนางสาวเสี่ยวอี้ ที่ห้างพารากอน เมื่อผู้เสียหายกลับมายังคอนโด และได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ
ฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่และตรวจสอบ พบคนร้ายมีการว่าจ้างบุคคลหนึ่งให้ไปเช่ารถตู้คันก่อเหตุ มาจากบริษัทเช่ารถตู้ในราคาวันละ 5,000 บาท และเพิ่มอีกวันละ 3,000 บาท กำหนดวันเช่า 15-17 มีนาคม ซึ่งจากการตรวจสอบ ณ ขณะนี้ ยังไม่พบว่าคนที่ถูกว่าจ้างให้เช่ารถตู้คันดังกล่าว รวมถึงบริษัทเจ้าของรถตู้ มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุในครั้งนี้
และล่าสุดเมื่อวานนี้ คนร้ายกลุ่มนี้ถูกจับกุมเรียบร้อย เป็นบุคคลสัญชาติจีนทั้งหมด เป็นชาย 2 คน และหญิง 2 คน มีนายร่าน เสี่ยวย่ง อายุ 52 ปี เป็นหัวโจก และมีเพื่อนร่วมแก๊งชื่อ นายเซิง โป ผู้ร่วมก่อหตุ ส่วนผู้หญิงร่วมขบวนการอีก 2 คน ตรวจสอบพาสปอร์ต ชื่อนางสาวเนี่ย หลี่เจี้ยว และนางสาวเนี่ย ฉีเจิ้น ทั้งหมดกำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศไปประเทศกัมพูชา ทางด้านชายแดนอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ที่น่าสนใจคือ ผู้หญิงที่ชื่อ นางสาวเนี่ย หลี่เจี้ยว คือคนเดียวกับ นางสาวเสี่ยวอี้ เพื่อนของผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์วันจับกุมตัว และถูกปล่อยตัวออกมาไล่เลี่ยกัน นั่นหมายถึงผู้หญิงคนนี้คือ นางนกต่อ ที่ทำทีมาตีสนิทกับผู้เสียหายก่อนลงมือ
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ขณะนี้ยังไม่ยอมให้การใด ๆ กับพนักงานสอบสวน ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการเข้าออกประเทศไทยจำนวน 3 ครั้ง ตั้งแต่ 24 พฤษภาคม 2565 ส่วนตัวนางสาวเนี่ย หลี่เจี้ยว หรือเสี่ยวอี้ ที่ทำหน้าที่เป็นนกต่อ เข้ามาตีสนิทและรู้จักคบหากับผู้เสียหายได้เวลาประมาณ 1 ปี
เหตุผลที่ก่อเหตุเชื่อว่า เพราะคนร้ายทราบข้อมูลว่าผู้เสียหายได้รับเงินจำนวนมาก จากการเวนคืนที่ดินที่ประเทศจีน มีข้อมูลว่าคนร้ายพยายามจะก่อเหตุมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่เดินทางมาตามนัด ก่อนจะมาสำเร็จในครั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และร่วมกันกรรโชกทรัพย์
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า นอกจากผู้ต้องหา 4 คนนี้ ตรวจสอบพบผู้ที่ได้รับผลประโยชน์อีกไม่น้อยกว่า 1 คน เป็นชาวต่างชาติ ส่วนจะมีคนไทยร่วมขบวนการด้วยหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เนื่องจากบางคนมีครอบครัวเป็นคนไทยเช่นกัน
ทางตำรวจเชื่อว่าขบวนการนี้อาจเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกัน กับผู้เสียหายรายอื่นอีก เพราะจากพฤติกรรมของคนร้ายหลังถูกจับกุม ไม่มีความตื่นตระหนก อีกทั้งยังรู้เส้นทางก่อเหตุและเส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี หลังก่อเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง ได้เดินทางหลบหนีไปเกือบถึงชายแดน เพื่อออกนอกประเทศ และเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการรอรับอยู่ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอีกเพียง 5 นาที ด่านชายแดนก็จะปิด แต่ตำรวจสามารถจับกุมตัวไว้ได้ก่อน
ตำรวจกำลังไล่เส้นทางการเงินที่ผู้เสียหายโอนให้กับกลุ่มคนร้าย ว่าจะมีการโอนต่อไปยังบัญชีใดบ้าง แต่เนื่องจากมีการโอนหลายสกุลเงิน และส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดิจิทัล ทำให้ต้องใช้เวลา
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35