กรณีท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 หายจากโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม 304 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ไปอย่างมีปริศนา ล่าสุดเจอแล้ว อยู่ในโรงหลอมเหล็กขนาดใหญ่ ถูกหลอมเป็นฝุ่นแดงแล้ว
ล่าสุดเมื่อ 11.00 น. วันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงความคืบหน้ากรณีพบวัตถุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า เมื่อวานนี้ตรวจพบสารซีเซียมในกระเป๋าบิกแบ็กขนาดใหญ่ โรงงานในเขตอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจดูพบว่าเป็นกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 จริง เมื่อยืนยันชัดเจนแล้ว จึงปิดพื้นที่ทันที และให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบข้าง บริเวณแนวกระเป๋าบิกแบ็ก พบว่าขึ้นค่าสารกัมมันตรังสี แต่เมื่อออกมาประมาณ 10 กว่าเมตร ไม่พบค่าของสารกัมมันตรังสี
ด้วยความเป็นห่วงประชาชน และพนักงานในโรงงาน 70 กว่าคน จึงได้ให้พนักงานหยุดงานไปก่อน และให้เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แพทย์ พยาบาล เช็กประวัติและดูอาการ โดยเตรียมตรวจเลือดในวันนี้ เบื้องต้นโรงงานอยู่ไกลจากชุมชนพอสมควร
ขณะที่ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า โรงงานหลอมโลหะหรือหล่อเหล็ก มีการใช้อุณหภูมิถึง 1,000 องศาเซลเซียส เพื่อให้เหล็กหลอมละลายเป็นของเหลว และทำเป็นระบบปิดทั้งหมด ฉะนั้นสารซีเซียมเมื่อเจออุณหภูมิเพียง 600 องศาเซลเซียส จึงระเหยไปกับเขม่า
เมื่อเหล็กหลอมถูกรีดออกมาเป็นแท่งเป็นเส้นแล้ว จึงไม่พบสารอันตรายในเนื้อเหล็กที่รีดออกมา แต่ในเตายังมีฝุ่นแดงจากการหลอมเหล็กอยู่
ทั้งนี้เชื่อว่า ซีเซียม หายออกมาจากบริษัทโดยมนุษย์ไม่ใช่เกิดจากการหล่นหาย เนื่องจากบริษัทมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี
ส่วนฝุ่นแดงปนเปื้อนซีเซียม 24 ตัน ถูกนำไปถมที่ดินหลังโรงหลอม เจ้าหน้าที่ได้ไปขุดดินทั้งหมด แล้วนำดินที่ป่นเปื้อนมาใส่กระสอบ และปิดล้อมที่ดินดังกล่าวไว้ จากนี้ไปเป็นกระบวนการสอบสวนการสูญหาย จะพยายามสืบสวนว่าคนที่นำไปเอาอุปกรณ์ไปไว้ที่ไหน เอามาเข้าสู่โรงหลอมได้อย่างไร
นายกิตติ์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี เปิดเผยว่า จากลงพื้นที่ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือในการตรวจสอบวัดแผ่รังสีบริเวณรอบๆ โรงงานดังกล่าวรัศมี 5 กิโลเมตร มีการเก็บตัวอย่างดิน น้ำ และอากาศ ไปตรวจสอบไม่พบการฟุ้งกระจาย หรือปนเปื้อนของสารซีเซียม 137 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ยืนยันว่า วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม 137 ในโรงงานดังกล่าวถูกควบคุมอยู่ในพื้นที่จำกัด และจากการตรวจพนักงานที่ทำงานในโรงงานไม่พบการเปรอะเปื้อนของสารซีเซียม 137 เช่นกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า สำหรับคำถามว่า วัตถุชิ้นนี้ออกไปสู่ด้านนอกได้อย่างไร ขณะนี้ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด และขอความร่วมมือบริษัทขอกล้องตรงจุดเกิดเหตุ เพื่อวิเคราะห์ แต่อาจเพราะกล้องติดมานานแล้ว บางตัวเก็บภาพได้ บางตัวเก็บไม่ได้ ในขั้นตอนนี้กำลังสืบสวนและพิสูจน์ทราบว่าออกไปได้อย่างไร ใครเอาออกไป คนธรรมดาเอาออกไปไม่ได้ นอกจากเป็นพนักงานภายในเท่านั้น บางคนเรียกมาสอบปากคำหลายสิบปากแล้ว ยังยืนยันว่า ไม่เห็น ไม่รู้ ก็ต้องสืบต่อไป
ขณะนี้ทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ป.ส.) ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแล้ว หลังจากนี้จะสอบสวนทางคดีอาญาต่อไป เรื่องผู้ครอบครองวัตถุที่หายไปแล้วไม่แจ้งโดยพลัน
นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับจากว่าซีเซียม 137 ได้หายไป ก็ได้มีการขอข้อมูล 1 เดือนย้อนหลัง ไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำการประเมินว่ามีผู้ป่วยเข้าข่ายหรือไม่ โดยหากผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสารซีเซียม-137 จะมีอาการ ดังนี้
1. ระบบผิวหนังเป็นแผล
2. ระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว
3. ระบบเลือดไหลเวียนโลหิต และเข้าไขกระดูกอาจเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
4. ระบบประสาท ชัก เกร็ง อาจเสียชีวิตได้
ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบผู้ป่วยที่เข้าข่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อวาน (19 มี.ค.) ได้ลงพื้นที่ไปยังโรงงานต้นเรื่อง ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนพอสมควร และโรงงานเป็นสถานที่ปิด โดยโรงงานดังกล่าวได้มีพนักงาน 70 คน แบ่งเป็นคนต่างด้าว 60 คน และคนไทย 10 คน เบื้องต้นให้สันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด และจะมีการตรวจสุขภาพพนักงานทั้งหมด และอาจจะมีการเฝ้าระวังเป็นระยะ ส่วนญาติต้องทำการประเมินอีกครั้งว่าจะปนเปื้อนไปจากเสื้อผ้าได้หรือไม่
ส่วนในภาพรวมจะทำการประเมินชุมชนรอบข้างว่ามีความเสี่ยงหรือข้อกังวลอะไรหรือไม่ และถ้าประชาชนกังวลเจ้าหน้าที่ก็จะลงพื้นที่ไปตรวจสุขภาพให้
นอกจากนี้ ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านสุขภาพที่ สสจ.ปราจีนบุรี เพื่อประเมินสถานการณ์ และทางกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งกำชับให้ดูแลด้านสุขภาพประชาชนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี เต็มที่
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35