หนุ่มโวย ถูกตำรวจล่อซื้อรถจักรยานยนต์ กล่าวหาว่าขโมยรถมาขาย ถูกจับบีบคอล็อคลงกับพื้น ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมาก สุดท้ายพอเห็นเอกสารรู้ว่าเป็นรถถูกต้อง ไม่ได้ขโมยมา ตำรวจแค่กล่าวคำขอโทษแบบนั้นหรอ
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ลงกลุ่ม คนไทรน้อยนนทบุรี โพสต์คลิปเอาไว้ พร้อมระบุข้อความว่า "แบบนี้ทำเกิน กว่าเหตุไม่ครับ คนของ สน.สุทธิสาร ครับ มาจับรถขโมย แต่ผมขายรถถูกต้องตามกฎหมายนะครับ มาหาว่าผมไปขโมยรถมาขาย มาบีบคอ มาข่มขู่ผม แบบนั้นแบบนี้ สุดท้ายเอาเอกสารให้ดู ไม่ใช้รถมี่แจ้งหาย สีแค่เหมือนกัน ก็จะมาจบแบบขอโทษสิ่งที่คุณทำกับผมมันเกินไปนะ”
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่เกิดเหตุหน้าร้านบะหมี่เกี๊ยว ภายในหมู่บ้านบัวทอง 4 ซอย 1/31 ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ที่เกิดเหตุ พบนายสมรักษ์ สร้อยสุมาลี หรืออาท อายุ 27 ปี พนักงานส่งแก๊ส ผู้เสียหายที่ถูกตำรวจจับผิดตัว
นายสมรักษ์ (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า เมื่อวานเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ตนอยู่ที่ร้านขายแก๊ส กลุ่ม ชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่หายไป มาถึงเขาก็ลงมาดูรถภายนอกไม่ดูเอกสารอะไรเลย มาถึงก็กล่าวหาว่าตนเองรถขโมยมา เขาอ้างว่าเป็นตำรวจมาล่อซื้อรถ คนที่มาหาตนคนแรกไม่แสดงบัตร มาถึงก็บิดคอตนเอง
แล้วกดคอตนเองลงพื้น แล้วพูดจามึง-กูเกือบทุกคำ ตนก็ชี้แจงไปว่า มาดูรถแทนพี่ชาย จากนั้นผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางมาสอบถามว่าเป็นตำรวจจากที่ไหน เขาบอกว่าอยู่สน.สุทธิสาร หลังจากนั้นมาขอตรวจสอบรถ และปล่อยตนไม่คุยด้วย ไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านแทน พอรู้ว่าไม่ใช่รถที่ขโมยมา ก็ขอโทษกับทางผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่ได้ขอโทษตน
จากนั้นคนที่อ้างเป็นเจ้าของรถ ก็เดินขึ้นรถไปเลย ตนเลยบอกว่ามาทำแบบนี้กับตนไม่ได้ ตนไม่เอาคำขอโทษเพราะทำเกินไป คนรู้สึกอายคนที่อยู่แถวนี้ มีคนเห็นเยอะ ตอนนี้ตนได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ขวายืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ขณะที่ นายธงชัย ศรีสังข์ อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า ในช่วงเกิดเหตุนั้น ตนเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนยืนคุยอยู่กับผู้เสียหาย ตนก็เดินเข้าไปสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ซึ่งมีชายคนหนึ่งอ้างตัวเป็นหัวหน้าชุด บอกว่าได้เบาะแสรถมอเตอร์ไซค์ถูกแจ้งหายในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ตนจึงให้ตำรวจเช็คเลขที่ตัวถังก่อน พบว่าเลขตัวถังของรถที่หายและเลขตัวถังของผู้เสียหายคนละคันกัน ตนยืนยันว่าผู้เสียหายรายนี้ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเลย และยิ่งตำรวจมาแสดงพฤติกรรมจับกุมอย่างนี้ ยิ่งทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่านายสมรักษ์ไปก่อเหตุผิดกฎหมายมา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีดังกล่าวกับทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โดยทางทนายรณรงค์ เปิดเผยว่าการควบคุมตัวประชาชนที่ไม่ได้กระทำความผิดไม่สามารถดำเนินการได้ เมื่อควบคุมไม่ได้การจับกุมที่มีการใช้กำลังประทุษร้าย จนได้รับบาดเจ็บ จึงมีความผิดตามกฎหมายมาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ อัตราโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35