หนุ่มส่งเก๋งเข้าอู่ ตอนแรกพังอย่างเดียว ผ่านไป 1 ปี พังรอบคัน เจ้าของวอนขอคืน !

หนุ่มร้องถกไม่เถียง ถูกเพื่อนที่เป็นลูกชายเจ้าของอู่ซ่อมรถ อาสานำรถไปซ่อมให้ แต่ผ่านมาแล้ว 1 ปี ยังไม่ได้รถคืน แถมค่าซ่อมส่วนอื่นผุดเป็นดอกเห็ด ซ้ำเอารถไปลองแล้วรถพังกว่าเดิม เจ้าตัวเห็นสภาพรถตัวเองแล้วถึงกับทำใจไม่ได้

 

 

วันที่ 14 มี.ค. 66 คุณปัญญากร ศรีเจริญ (บาส) เจ้าของรถ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย กาย สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา ว่า เมื่อเดือนเมษายน 2565 ตนขับรถไปกลับบางแสน แล้วได้ยินเสียงดังมาจากในตัวเครื่อง จึงโพสต์ถามในโซเชียล จนมีเพื่อนชื่อบอสส่งข้อความแนะนำอู่ซ่อมรถของพ่อตนเองให้ จึงขับรถไปซ่อมภายในวันนั้น

 

 

เมื่อเข้าไปถึงอู่ได้พบกับคุณบอย ลูกเขยเจ้าของอู่ เป็นช่างใหญ่ประจำอู่ ได้มาตรวจเช็คดูสภาพรถให้ จากนั้นก็ได้ถามเพื่อนที่ชื่อบอสเป็นระยะ ๆ ว่าสภาพของรถเป็นอย่างไรบ้าง อีกฝ่ายให้ข้อมูลมาว่าชาร์ปละลาย มีค่าซ่อม 8,800 บาท ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าชาร์ปละลายมันคืออะไร แต่เห็นว่าเป็นเพื่อนกันจึงไว้ใจและบอกให้ซ่อมได้เลย และโอนเงินมัดจำไป 4,000 บาท 

 

 

หลังจากที่โอนเงินไป บอสบอกว่าซ่อมประมาณ 1 สัปดาห์ก็เสร็จ แต่ไม่นานก็มาบอกอีกว่าก้านเสีย ต้องเสียเงินซ่อมเพิ่มอีก ตนเห็นว่ารถเก่าแล้ว จึงตัดสินใจซ่อม และนอกจากนี้ก็ยังมีอาการที่ต้องซ่อมอีกหลายรายการงอกมาเพิ่มเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อสูบแตก สนิมขึ้น ไฟหลังแตก สีรถถลอกมีรอยขีดข่วน ค่าซ่อมเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 บาท ตนจึงโอนเงินเพิ่มไปอีก 1,000 บาท แต่ผ่านไป 1 ปี ทางอู่อ้างเหตุผลสารพัด จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้รถคืน

 

 

คุณบอย ช่างประจำอู่ กล่าวต่อว่าตนเป็นคนต้องประเมินสภาพรถ และต้องแจ้งให้กับลูกค้าทราบ เพื่อประเมินการซ่อมได้อย่างถูกต้องตรงตามที่ลูกค้าต้องการ ส่วนในเคสของคุณปัญญากร ตนได้เห็นสภาพรถตั้งแต่ต้นแล้ว โดยในตอนแรกตนได้ซ่อมเครื่องที่เสียงดังไปแล้ว แต่บอสเมื่อเอารถไปลอง แต่เครื่องแตก จึงต้องเอากลับมาซ่อมอีกครั้ง แต่เรื่องการตกลงซ่อมหรือโอนเงินเพิ่มเติม ระหว่างผู้เสียหายกับบอส ลูกชายเจ้าของอู่ ตนไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย

 

คุณปัญญากร เล่าต่อว่า ตนเคยไปตามรถตัวเองเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะตนไม่อยากมีปัญหาเพราะอีกฝ่ายคือเพื่อนตัวเอง แต่เมื่อไปเห็นสภาพรถตัวเองแล้วรู้สึกรับไม่ได้ ถูกสับเปลี่ยนอะไหล่ และรถพังมากกว่าเดิม จึงตัดสินใจมาร้องกับรายการถกไม่เถียง ส่วนบอสไม่สามารถติดต่อได้ทุกช่องทาง จึงนัดไปคุยกับคุณบอย ช่างประจำอู่ ตกลงกันว่าเดือนกุมภาพันธ์ได้รถแน่นอน แต่สุดท้ายก็ยังซ่อมไม่เสร็จ

 

 

คุณบอย ช่างประจำอู่ ชี้แจงว่า เป็นเพราะตนเองก็ติดต่อบอสไม่ได้เช่นกัน จึงต้องมาจัดการทุกอย่างเอง ทั้งเรื่องอะไหล่ที่หายไป การเบิกเงินที่อาจจะต้องใช้เงินตัวเอง และทางพ่อของบอสที่เป็นเจ้าของอู่ก็ไม่รู้เรื่องการโอนเงินระหว่างผู้เสียหายกับบอสเช่นกัน จึงไม่สามารถซ่อมรถให้เสร็จได้ เจ้าของอู่จึงตกลงกับผู้เสียหายว่าจะต้องจ่ายเงินที่เหลือ 10,000 บาท โดยอู่จะรับผิดชอบเรื่องเครื่องแตกให้ แต่คุณปัญญากร ยืนยันว่าจะไม่ยอมจ่าย เนื่องจากคิดว่าไม่ใช่ความผิดของตนที่ทำรถพังเพิ่ม โดยจะยอมจ่ายเพียง 8,800 บาท ซึ่งเป็นราคาแรกที่ตกลงกันไว้ เพราะอู่ดองรถมากว่า 1 ปีแล้ว 

 

 

ด้านคุณวิทย์เจ้าของอู่ ยืนยันว่าตนไม่รู้เรื่องด้วยว่ามีรายละเอียดการซ่อมอย่างไร เห็นแค่เพียงว่าทำไมถึงจอดในอู่นาน และยืนยันว่าจะซ่อมให้เสร็จเรียบร้อย แต่ข้องใจว่าทำไมผู้เสียหายถึงไปออกรายการ “ถกไม่เถียง” ส่วนบอสลูกชายอยู่กับตนตลอด ตนได้ตักเตือนลูกไปเรียบร้อยแล้ว ตนยินดีซ่อมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยคุณปัญญากรต้องจ่ายส่วนต่างตามที่ตกลงไว้ตอนแรกคือ 8,800 บาท คุณบอย ช่างประจำอู่ยืนยันว่าทางอู่ซ่อมรถจะส่งมอบรถให้คุณปัญญากรภายในวันที่ 1 เมษายน 2566 โดยทางรายการ “ถกไม่เถียง” จะติดตามเคสนี้ต่อไป