เช้านี้ที่หมอชิต - หนุ่มเจ้าของร้านกาแฟ จังหวัดกาญจนบุรี เข้าพบตำรวจยืนยันความบริสุทธิ์ใจ อ้างโดนมิจฉาชีพปลอมบัตรประชาชน 7 ใบ เผยก่อนหน้านี้เคยใช้บัตรสมัครแอปเงินกู้ออนไลน์ แต่ไม่ผ่านแถมยังโดนหลอกเงิน และนำบัตรไปก่อเหตุหลอกประชาชนนับสิบคดี
ความคืบหน้ากรณีพบชายหนุ่ม จังหวัดกาญจนบุรี ถือบัตรประชาชนคนเดียวถึง 7 ใบ ทำให้อธิบดีกรมการปกครอง ต้องสั่งจังหวัดตรวจสอบเพื่อแจ้งความเอาผิด ล่าสุด นายภาคิน สุขประพันธ์ อายุ 33 ปี หนุ่มเจ้าของร้านกาแฟ ผู้ที่ถูกนำบัตรประชาชนไปปลอมแปลง เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ข้อมูลกับผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริต การทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ซึ่งลงพื้นที่มาสอบถามข้อมูลจาก นายภาคินด้วยตนเอง
นายภาคิน เล่าว่าเมื่อปีที่ผ่านมา เคยสมัครแอปเงินกู้ออนไลน์แอปหนึ่ง ซึ่งทางแอดมินแจ้งให้ส่งรูปถ่ายตนเองพร้อมบัตร เพื่อยืนยันตัวตน พร้อมเสียค่าธรรมเนียม 500 บาท แต่สุดท้ายกู้เงินไม่ผ่าน และยังถูกนำบัตรประชาชนไปปลอมแปลงก่อคดีอีกนับสิบคดี
โดยครั้งแรก เดือนกันยายน 2565 นำไปใช้หลอกโอนเงินมัดจำซื้อขายรถจักรยานยนต์ในเพจหนึ่ง มิจฉาชีพทำการ เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล บนบัตร แล้วนำไปใช้เป็นหลักฐานส่งให้ผู้ที่หลงเชื่อโอนเงินมัดจำมาให้แล้วเบี้ยวไม่ยอมส่งมอบรถ ตนจึงตัดสินใจไปแจ้งความ แต่ก็ยังไม่จบ เพราะมิจฉาชีพยังนำบัตรของตนไปใช้ก่อเหตุเรื่อย ๆ โดยเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล สลับเลขประจำตัวบนบัตรไปมา แต่ยังคงใช้รูปและที่อยู่จริง จนตอนนี้ตนเองถูกออกหมายเรียกถึง 12 คดี
จึงอยากเตือนถึงผู้ที่จะสมัครแอปเงินกู้ออนไลน์หรือบริการต่าง ๆ ที่ต้องใช้บัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตน ควรตรวจสอบข้อมูลของแอปว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ เพราะอาจจะถูกหลอกเหมือนตน
ทั้งนี้ การปลอมแปลงรายละเอียดชื่อในบัตรประจำตัวประชาชน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท
+ อ่านเพิ่มเติม