เช้านี้ที่หมอชิต - ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คดีของ นอท กองสลากพลัส หรือ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ อาจจะเงียบ ๆ ไปในหน้าสื่อ แต่ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่ได้หยุด เพราะต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับ นอท กองสลากพลัส คราวนี้เป็นคิวของ นายแทนไท ณรงค์กูล นักธุรกิจชื่อดัง ที่ต้องเดินทางพร้อทนายเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อชี้แจงยอดเงินจำนวนหลายร้อยล้าน ที่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับ นอท กองสลากพลัส
นายแทนไท ณรงค์กูล อดีตผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์เคยถูกตำรวจ สน.พญาไท ดำเนินคดีเมื่อปี 2563 แต่สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง และต่อมาก็มีข่าวโด่งดังอีกว่า ไปประมูลประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์เลขสวย ของกรมการขนส่งทางบก และชนะการประมูลหมายเลข 9 กก 9999 กรุงเทพมหานคร ด้วยราคาสูงกว่า 45 ล้านบาท
จนทำให้มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบว่า เงินจำนวนนี้มาจากไหน หลังจากนั้น เมื่อ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ตกเป็นเป้าตรวจสอบจากตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัชมีความผิดปกติ มีการรับเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทจากขบวนการฟอกเงิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ดีเอสไอได้จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว
จนดีเอสไอเรียก นายพันธ์วัชร มาสอบปากคำ ชื่อของ นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ก็ปรากฎในหน้าสื่อร่วมกับตัวละครสำคัญอีกบางชื่อ เมื่อพนักงานสอบสวนพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ นอท กองสลากพลัส จำนวนหลายร้อยล้านบาท ซึ่งเมื่อวานนี้ นายแทนไท พร้อมด้วย นายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความ เข้าพบและให้การกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตามหมายเรียกครั้งแรกในฐานะพยาน
หลังให้ปากคำเสร็จสิ้น นายแทนไท ได้ออกมาเปิดเผยว่า นำหลักฐานที่นำมาชี้แจงพนักงานสอบสวน คือ สัญญาการกู้ยืมเงิน เป็นภาพหลักฐานที่ นายแทนไท ให้เงินกู้กับ นอท กองสลากพลัส และรู้สึกโล่งใจที่ได้เข้ามาชี้แจงกับดีเอสไอ ตนได้ชี้แจงครบถ้วนทุกประเด็น อีกทั้งหลังจากนี้ตนจะไม่ได้เข้ามาให้การใด ๆ แล้ว เพราะได้ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนครบถ้วน แต่ทางพนักงานสอบสวนอาจจะมีการเรียกพยานอื่น ๆ เพิ่มเติม
หลักฐานที่ นายแทนไท นำมาเปิด นอกจากเช็ค 2 ใบ เป็นเงินจำนวน 200 ล้านบาท ที่อ้างว่าให้ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส กู้ยืมนั้นเป็นของบริษัท โดยแบ่งเป็นสองยอดคือ 150 ล้านบาท และ 50 ล้านบาท
นายแทนไท บอกว่า ที่สังคมสงสัยกันว่าเป็นเงินทิพย์ เงินหาย ตนยืนยันว่าเงินไม่ได้หาย แต่ตนใช้เงินบริษัทในการจ่ายแคชเชียร์เช็ค เพื่อทำสัญญาเงินกู้ให้กับทางบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด จึงเป็นเหตุทำให้ดีเอสไอไม่พบเหตุที่มาของเงิน เพราะตนจ่ายผ่านแคชเชียร์เช็ค วันนี้จึงนำสำเนาแคชเชียร์เช็คมาแสดงให้พนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วเวลาตนให้บริษัทใดกู้ยืมเงิน จะใช้วิธีการสั่งจ่ายผ่านเช็ค เลยไม่เห็นเส้นเงินจากตนไปถึงผู้กู้
เมื่อถามว่า นายแทนไท รู้จักกับนอทได้อย่างไร ประเด็นนี้ ทาง นายแทนไท หรือบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้ทำเป็นไทม์ไลน์การโอนเงิน เริ่มตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2565 นำเสนอรายละเอียดที่ได้พบกับ นอท ช่วงเวลาทำสัญญากู้เงิน จนถึงช่วงเวลาที่มีข่าวนอทถูกเรียกสอบ และบริษัทได้ขอยกเลิกสัญญาเงินกู้ วันที่ 30 มกราคม 2566
นายแทนไท ชี้แจงว่า รู้จักกับทางคุณนอทเนื่องจากมีคนติดต่อเข้ามา โดย นอท กองสลากพลัส ติดต่อมาเพื่อเสนอแนวทางทำธุรกิจ อยากได้เงินกู้ ขอกู้ยืมเงินเพื่อไปประกอบธุรกิจสลากกินแบ่งออนไลน์ ซึ่งตนทราบดี
ซึ่ง นายแทนไท บอกว่า หลังจาก นอท มีกระแสข่าวถูกตรวจสอบ ตนได้พยายามบอกยกเลิกสัญญาเรียกเงินคืน
นายแทนไท บอกว่า วันที่ 30 มกราคม 2566 นอท กองสลากพลัส ตกลงโอนคืนเงินให้เขาทั้งหมดแล้ว ซึ่งถึงตอนนี้ยังยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บการพนันออนไลน์ใดๆทั้งสิ้น และจากคดีปี 53 ก็มีคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดออกมาแล้ว
นี่จึงเป็นอีกความคืบหน้าหนึ่งของคดีฟอกเงินจากผู้ต้องหารายใหญ่ที่เชื่อมโยงถึง นอท กองสลากพลัส และตัวละครสำคัญอย่าง แทนไท แห่งไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งต้องรอดูว่า ทางดีเอสไอจะเชื่อในพยานหลักฐานที่ให้การหรือไม่ และจะเรียกข้อมูลเพิ่มเติมอีกหรือไม่
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35