สาวหอบเงินสด ออกรถป้ายแดง แต่ได้รถเก่า ด้านโชว์รูมแจง ส่อแววหนังคนละม้วน !

จากกรณี สาวเข้ามาร้องสื่อ หลังซื้อรถกระบะมือ 1 ด้วยเงินสดในราคา 6.2 แสน ใช้ไป 3 ปี เพิ่งรู้ว่าได้รถเก่า จากที่ซื้อรถรุ่นปี 2020 กลับได้ปี 2018 แถมครัชก็พังแก้ไม่หาย ประกันยังมาหมดก่อนถึงเวลาอีก ! 

 

 

             วันที่ 22 ก.พ. 66 จินดารัตน์ ชำเลืองฤทธิ์ (ทราย) เจ้าของรถ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 63 ตนได้ซื้อรถยนต์กระบะ 4 ประตู ด้วยเงินสด ในราคา 627,000 บาท โดยเซลเสนอลดราคาให้จาก 740,000 บาท วันที่ออกรถตนได้ตรวจสอบสภาพรถแล้ว สภาพก็ไม่ค่อยโอเค โดยบริเวณซุ้มล้อมีสนิม และหยากไย่ อีกทั้งเบาะก็ไม่มีพลาสติกหุ้ม ตนได้แจ้งเซลที่ขายรถแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ด้วยความที่ตนไม่ค่อยรู้เรื่องรถ และความไว้ใจเซล ตนเลยไม่ได้เอะใจอะไร 

 

             หลังจากรับรถมาแล้ว ตนใช้รถไปประมาณ 2,000 กิโลเมตร หน้าจอก็ขึ้นเตือน ไม่ยอมหายต้องเอาไปให้ศูนย์แก้ ต่อมาช่วง 20,000 กิโลเมตร เริ่มมีอาการครัชจม ใส่เกียร์ไม่เข้า ซึ่งรถเพิ่งซื้อมา ไม่น่ามีปัญหาลัษณะนี้ขึ้น เลยเริ่มเอะใจ เลยนำรถไปเคลมที่ศูนย์ แต่กลับมีค่าใช้จ่าย 15,000 บาท อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังบอกว่ารถตนประกันหมดไปแล้วตั้งแต่ปี 64 โดยต่อประกันตั้งแต่ 31 ส.ค. 61 ตนก็ตกใจ เพราะตนซื้อรถตอนปี 63 ประกันก็ต้องหมดปี 66 ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครออกมาชี้แจงว่ามันคืออะไร ต้องรอ 3-4 วัน เขาถึงให้เอารถเข้าไปเคลมที่ศูนย์ พร้อมขยายระยะเวลาประกันให้อีก 2 ปี แต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาไปเคลมกับศูนย์ที่ออกรถดังกล่าวเท่านั้น ศูนย์อื่นในประเทศไม่สามารถเคลมให้ได้ ขณะเดียวกัน ศูนย์ได้ซ่อมครัชมาให้แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังแก้ไมหาย  

 

 

             นอกจากนี้ รถคันดังกล่าวไม่ใช่รุ่นรถที่ตนจองไว้ รุ่นที่ตนจองจะมีไฟเลี้ยวตรงกระจกข้าง เป็นรุ่นปี 2020 แต่ตรวจสอบในเอกสารทะเบียนรถดันมาเป็นของปี 2018 ซึ่ง วันที่เซ็นรับรถ สีและลักษณะรถมันคล้ายกันจนแทบจะแยกไม่ออก ตนจึงเซ็นรับรถมา อีกทั้งในสัญญาจอง และเอกสารรับรถ ระบุรุ่นรถปี 2020 ตนเลยไม่ได้เอะใจอะไร ทั้งนี้ตนเคยได้ยินพนักงานในโชว์รูมพูดว่า "ทำไมไม่เอารถใหม่ให้ลูกค้า" เซลเขาก็ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร 

 

             ตนได้เคยพยายามติดต่อกับศูนย์เป็น 10 ครั้ง ต้องลางานเดินทางมา ทางเขาก็บ่ายเบี่ยงตลอด กว่าจะได้ตกลงกัน ซึ่งทางศูนย์ได้เสนอว่าเขาจะซื้อรถคืนโดยหักค่าสึกหรอ ซึ่งตนก็ไม่ยินยอม เพราะมันไม่ใช่ความผิดตน ทั้งนี้ตนอยากให้ศูนย์รับผิดชอบเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ตน รวมทั้งเงินเยียวยาค่าเสียเวลาของตน เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท ที่ต้องเรียกแพง เพราะตนเคยประสบเหตุการณ์ตอนขับรถขึ้นเขา แล้วครัชค้าง เกือบจะเอาตัวไม่รอด ซึ่งถ้ามันเกิดอุบัติเหตุมามันแลกกับชีวิตไม่ได้ โดยตอนนั้นในรถมีทั้งแม่ และยังมีเด็กด้วย

 

 

             สำหรับ เรื่องที่หมายเลขเครื่องยนต์ กับมายเลขตัวถังในเอกสารไม่ตรงกับที่รถ ทำให้ไม่สามารถต่อทะเบียน เรื่องนี้ตนได้เคลียร์กับทางศูนย์รถแล้ว มันเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน เนื่องจากทางศูนย์ทำเอกสารผิดพลาดเท่านั้น สุดท้ายทางศูนย์พาไปต่อทะเบียนที่ขนส่งฯแล้ว ซึ่งต่อได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน ที่ตนบอกว่าไม่สามารถต่อทะเบียนได้เนื่องจาก ตนได้โทรไปเช็กกับทาง ตรอ. เรื่องประกัน ทาง ตรอ. บอกมาว่ารถตนไม่สามารถต่อทะเบียนได้ 

 

 

             ด้าน อนุพงษ์ เจริญเวช นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สคบ. เล่าว่า ในธุรกิจขายรถยนต์ เป็นธุรกิจที่ สคบ. ควบคุมสัญญาจอง โดยกำหนดว่าในสัญญาจอง ต้องระบุรุ่นปีที่ผลิต ดังนั้นเคสนี้ ต้องไปดูว่าในสัญญาจองระบุรุ่นปีผลิตอะไร ถึงจะหาข้อสรุปได้ ขณะเดียวกันตอนนี้มีข้อพิพาทเกิดขึ้น คู่กรณีสามารถเลือกทั้งได้ทั้งกระบวนการไกล่เกลี่ย หรือส่งเรื่องขึ้นสู่ศาลก็ได้ ซึ่งจะแตกต่างเรื่องเวลาการดำเนินการ 

 

             สำหรับการเรียกค่าเสียหาย มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง อาทิ ความเสียหายแก่ร่างกายหรือจิตใจ มีหรือไม่อย่างไร คำนึงถึงพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจ หรือพฤติการณ์ของทรัพย์สินนั้น ๆ ผู้ร้องมีส่วนได้รับประโยชน์บ้างหรือไม่อย่างไร ต้องเจรจาบนหลักข้อเท็จจริง 

 

             ทั้งนี้ ทางโชว์รูมดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงว่า รถยนต์ที่ลูกค้าซื้อไปเป็นรถยนต์ใหม่ ไม่เคยขายให้กับบุคคลอื่นมาก่อน และไม่มีการเปลี่ยนหรือสวมเครื่องยนต์ ซึ่งสามารถต่อทะเบียนได้ตามปกติ 

 

             ขณะเดียวกัน บริษัท ได้ยื่นข้อเสนอรับดูแแลลูกค้าทุกกรณี ซึ่งไม่เกินกว่ามูลค่าที่ลูกค้าซื้อรถยนต์ไปจากบริษัท แต่ข้อเสนอของลูกค้าต้องการรถยนต์คันใหม่ รุ่น 4 ประตู ในราคาที่สูงกว่าในราคาที่ลูกค้าซื้อไป ทาง บริษัท จึงไม่สามารถให้ข้อเสนอตามที่ลูกค้าต้องการได้ 

 

             บริษัท จึงได้ขอเข้าพบ สคบ. จ.ระยอง เพื่อนัดไกล่เกลี่ยพร้อมกับลูกค้าเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งเป็นการนัดเข้าพบเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับหนังสือแจ้งเมื่อ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้