เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณีตำรวจลาออกจากราชการที่สุพรรณบุรี จนถึงกรณี พลตำรวจโท ปัญญา นิ่มสุข นายตำรวจมือปราบหลายคดี แต่ถูกภรรยายิงเสียชีวิตในบ้านพัก ประเด็นการปฏิรูปตำรวจถูกตั้งคำถามเสียงดังอีกครั้งว่า เหตุใด ปัญหาซ้ำ ๆ ซาก ๆ ของตำรวจจึงยังคงมีอยู่ คนหนึ่งที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดี คือ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์กับทีมงานเช้านี้ที่หมอชิตว่า ผมเป็นคนรู้เรื่องตำรวจดี เพราะผมอยู่กับตำรวจมาค่อนชีวิต ตำรวจไทยมีปัญหาหลัก ๆ อยู่ 3 เรื่อง ถ้าชั้นประทวนก็จะมีปัญหา 1.เรื่องของความเครียดสะสมจากหนี้สิน และ 2.ความน้อยเนื้อต่ำใจต่อผู้บังคับบัญชา อย่างกรณีของ สิบตำรวจเอก ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ลาออกก็ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจผู้บังคับบัญชา ส่วนปัญหาข้อที่ 3 เป็นปัญหาหลักของตำรวจชั้นสัญญาบัตร คือ ปัญหาครอบครัว เช่น เมียน้อยเมียหลวง หรือบางคนก็ต้องหาเงินเพื่อไปซื้อของแบรนด์เนมให้กับเมียไว้ใส่-ไว้ใช้ เวลาออกงาน หรืองานเลี้ยงรุ่นนายร้อยตำรวจ
คำถาม คือ ตำรวจสัญญาบัตรยศต่ำ ๆ ที่เพิ่งจบใหม่จะไปเอาเงินจากไหน นอกจากจะไปทำงานสีเทาที่ผิดกฎหมาย หรือไปรับเงินจากกลุ่มที่ทำธุรกิจสีเทาอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวในปัจจุบัน และอาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่อยู่กับปืน เมื่อเกิดความเครียดสะสมจึงสามารถคิดสั้นได้ง่าย
นอกจากนี้ คุณชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า อาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่มีกรรม เพราะกว่าจะสามารถเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งได้ต้องหาเงินมาวิ่งเต้น ไม่ได้ใช้ความสามารถจริง ๆ จนทำให้บางคนรู้สึกว่าทำดีไม่ได้ดี ฉะนั้นจึงหันไปหาช่องทางหาเงินรวยทางลัด หาเงินไว้คอยดูแลเจ้านาย-ไว้วิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่งดีกว่ามานั่งตั้งใจทำงาน ฉะนั้นตำรวจจึงหันไปคบกับโจร และสุดท้ายเมื่อคบกับโจรมาก ๆ ก็กลายเป็นโจรเสียเอง
คุณชูวิทย์ จึงเสนอแนะการปฏิรูปตำรวจด้วยการให้ยา 3 เม็ด นอกจากจะใช้ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ที่กำลังจะประกาศใช้เร็ว ๆ นี้ โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ คือ ต่อไปนี้ตำรวจถ้าจะเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งต้องเป็นไปตามระบบอาวุโส รุ่นน้องไม่สามารถข้ามหัวรุ่นพี่ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
โดย ยา 3 เม็ด ในการปฏิรูปตำรวจที่คุณชูวิทย์เสนอแนะ คือ
1. ต้องเพิ่มรายได้ให้ตำรวจ ทุกยศทุกตำแหน่งเท่าตัวจากเงินเดือนเดิม เพราะต้องยอมรับว่า เงินเดือนตำรวจในปัจจุบันนั้นน้อยเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงทำให้รายรับไม่พอกับรายจ่าย ฉะนั้น ตำรวจจึงต้องหารายได้เสริมหรือต้องไปขูดรีดประชาชน เช่น ตั้งด่านลอย หรือตำรวจขายยาบ้า หรือตำรวจเปิดบ่อน
2. เนื่องจากอาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่หมิ่นเหม่ต่อการทุจริต เพราะฉะนั้นการตรวจสอบตำรวจต้องแตกต่างจากข้าราชการอื่น ๆ ทั่วไป คือ ถ้าตรวจสอบพบว่าตำรวจทุจริตต้องรีบให้ออกหรือไล่ออกทันที และเปิดทางให้มีการตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบนั้น ไม่ควรเป็นตำรวจตรวจสอบตำรวจกันเอง แต่ควรให้ภาคประชาชนเข้ามาร่วมตรวจสอบตำรวจด้วย ฉะนั้นแล้ว ในส่วนของจเรตำรวจควรบังคับให้มีภาคประชาชนเป็นคณะกรรมการด้วย
3. ในประเทศไทยถือว่ามีตำรวจมากที่สุดเกือบจะในโลก เพราะมีมากกว่า 2 แสนอัตรา ควรลดขนาดองค์กรตำรวจให้เล็กลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการคงตำแหน่งตำรวจเกี่ยวกับงานสืบสวนสอบสวนจับกุมโดยตรง แต่ส่วนงานอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องควรตัดออกจากการเป็นตำรวจ เช่น หมอ ไม่จำเป็นต้องมียศเป็นตำรวจ ฝ่ายบัญชีก็ไม่จำเป็นต้องมียศเป็นตำรวจ เพราะยิ่งหากจำเป็นต้องมียศมีตำแหน่งก็ยิ่งจะทำให้เกิดการวิ่งเต้นมากขึ้น
คุณชูวิทย์ บอกว่า หากไม่รีบปฏิรูปตำรวจ องค์กรตำรวจจะมีปัญหามากกว่าที่เป็นอยู่ และเมื่อถึงเวลานั้น ภาคประชาชนคงต้องดูแลกันเอง
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม