เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีรุ่นพี่โรงเรียนชื่อดังในจังหวัดเพชรบุรี สั่งรุ่นน้องลงไปแช่ในบ่อเกรอะ จนเกิดบาดแผลติดเชื้อรักษาไม่หาย ล่าสุดคุณแม่ของเด็กที่ถูกกระทำให้อภัยเด็กผู้ก่อเหตุซึ่งสำนึกผิดแล้ว แต่เดินหน้าเอาผิดครูที่อาจมีส่วนร่วมในการสั่งการลงโทษ โดยขอให้โรงเรียนตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้
จากกรณีแม่ท่านหนึ่ง ชื่อแม่โบว์ พาลูกชายทั้ง 2 คน คือ ด.ช.เอ อายุ 13 ปี และ ด.ช.บี อายุ 14 ปี เข้าพบเพื่อขอความช่วยเหลือจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากลูกชายทั้ง 2 คน ถูกรุ่นพี่โรงเรียนประจำชื่อดังในจังหวัดเพชรบุรี สั่งลงโทษอย่างทารุณ ให้ลงแช่ในบ่อเกรอะ หรือบ่อพักอุจจาระ และลงโทษแบบทหารอย่างไร้เหตุผล
เหตุการณ์เกิดช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากเหตุที่ลูกชายสองคนซึ่งเป็นเด็กหอตื่นสาย จากตี 05.30 น. มาตื่นนอนตอนตี 05.40 น. จึงตื่นมาออกกำลังกายช้าตามกฎระเบียบของหอ จากนั้นลูกชายทั้งสองคนก็ถูกกล่าวหาว่าทำความสะอาดหอไม่สะอาดและไม่เก็บอุปกรณ์ ทั้งที่ตนเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยและทำความสะอาดแล้ว
รุ่นพี่ ม.5 ของหอพัก สั่งลงโทษรวมนักเรียน ม.1 - ม.4 ซึ่งทั้งสองพี่น้องก็โดนไปด้วย โดยสั่งให้ทุกคนกระโดดลงไปแช่ในบ่อเกรอะหลายนาที ก่อนจะสั่งให้ขึ้นจากบ่อโดยไม่ล้างตัวและลงโทษตามวิธีการแบบทหาร เช่น ดันพื้น ลุกหมอบ กลิ้งไปกลิ้งมาจนเป็นแผลทั่วร่างกาย ทั้งยังนำน้ำอุจจาระมาเทราดพวกตน
คุณแม่เล่าอีกว่า ลูกชายคนโต คือ ด.ช.เอ อายุ 14 ปี เคยถูกลงโทษลุกนั่ง 200 ครั้ง จนทำให้โรคหอบหืดกลับมาอีกครั้ง ในเรื่องนี้ แม่โบว์ได้แจ้งไปทางเพจโรงเรียน ทางโรงเรียนอ่านแต่ก็ไม่ยอมตอบ จึงต้องแจ้งไปทางครูประจำหอพัก ขอให้ช่วยดูและแก้ไขการลงโทษจากรุ่นพี่ให้ด้วย เรื่องนี้ก็จบลงที่แม่โบว์ยอมให้อภัย และรักษาลูกชายด้วยตัวเอง
ส่วนครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่สอง ต้องบอกว่า รุนแรงกว่าเดิม ทั้ง ด.ช.เอ และ ด.ช.บี โดนรุ่นพี่ลงโทษด้วยการสั่งให้ลงไปแช่บ่ออุจจาระ หรือบ่อเกรอะ จน ด.ช.บี อายุ 13 ปี เกิดบาดแผลติดเชื้อรักษาไม่หาย
หลังจากเกิดเรื่องความรุนแรงกับลูกชายทั้งสองคน แม่โบว์ก็ตัดสินใจทำเรื่องลาออกให้ลูกชายทั้ง 2 คน ในวันที่ไปรับลูกกลับบ้าน และได้คุยแช็ตไลน์กับทางครูประจำหอพัก ซึ่งทางโรงเรียนและครูหอพักปัดความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้
นี่เป็นข้อความทางแช็ตไลน์ ที่คุณแม่โบว์ได้คุยกับทางคุณครูประจำหอพัก ก่อนที่จะออกมาร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด
คุณแม่บอกไปในแช็ตว่า น้องอยู่ห้องฉุกเฉินนะคะ รบกวนถ้าสะดวกแล้วติดต่อกลับ แม่พาลูกมาหาหมอเป็นแผลเปื่อยพุพองทั้งตัว น้องบอกว่าโดนทำโทษโดยการให้ลงไปอยู่ในบ่อพักอุจจาระ ทำโทษโดยรุ่นพี่ แบบนี้มันเหมาะสมไหมคะ วิธีการทำโทษ แม่จะร้องเรียนนะคะ แม่พึ่งทราบวันนี้ เพราะพาลูกมาหาหมอ
ส่วนครูประจำหอพักก็ตอบกลับมาว่า ผู้ปกครองถามลูกดูก่อนไหมครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงโดนลงโทษ
คุณแม่บอกอีกว่า ลูกชายคนเล็กไม่กล้าอธิบายให้แม่ฟัง แต่ไปเล่าความจริงให้คุณหมอฟังตอนพาไปหาหมอ ลูกชายให้เหตุผลว่า ถ้าบอกกับแม่ทันทีที่เกิดเหตุ ก็กลัวว่าแม่จะไม่ยอม จึงไม่กล้าบอกแม่
ส่วนครูประจำหอพัก ยังยืนยันว่าลูกชายของแม่โบว์ ยอมให้ถูกทำโทษเอง ด้วยการส่งคลิปสัมภาษณ์นักเรียนที่เห็นเหตุการณ์ส่งให้ทางแม่โบว์
วันนี้ (20 ก.พ.) แม่โบว์ แม่ของสองพี่น้องผู้เสียหาย ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ชะอำ และนัดคุยกับผู้อำนวยการ ครูประจำหอพักโรงเรียนที่เกิดเหตุ รวมไปถึงผู้ปกครองและนักเรียนชั้น ม.5 ผู้ก่อเหตุ ที่โรงเรียน เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทางโรงเรียนขอไกล่เกลี่ย เนื่องจากน้องผู้ก่อเหตุได้สำนึกผิดแล้ว น้องไม่มีพ่อและมีแม่ มีอาเป็นผู้ปกครอง หากถูกดำเนินคดี น้องผู้ก่อเหตุจะต้องไปอยู่ในสถานพินิจ ก็จะขาดโอกาสในการเรียนหนังสือ ตอนแรกทางแม่โบว์ก็ไม่อยากจะยอมความ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายทั้ง 2 คน แต่เมื่อถามลูกชาย 2 คน ก็บอกว่าอยากให้รุ่นพี่ได้เรียนหนังสือต่อ แต่ไม่อยากให้พี่เขาไปทำแบบนี้กับใครอีก
คุณแม่เล่าว่า ได้พูดคุยกับนักเรียนชั้น ม. 5 ที่ก่อเหตุว่า ไปเอาแนวคิดการลงโทษแบบนี้มาจากไหน ได้รับคำตอบว่ามาจากเกมที่เคยเล่นในมือถือ แม่โบว์ยังถามต่อว่า ถ้าน้องสองคนสั่งให้ทำแบบเดียวกันจะยอมทำไหม ถ้าไม่อยากทำ ก็อย่าไปทำกับใครแบบนี้อีก
นักเรียนชั้น ม. 5 ผู้ก่อเหตุ สำนึกผิด ร้องไห้ และกราบขอโทษคุณแม่และสองพี่น้องผู้เสียหาย จึงให้ยินดีให้อภัย
ส่วนในเรื่องการลาออกจากโรงเรียน ทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้สอบถามกับคุณแม่ว่า ลูกชายสองคนจะไปเรียนที่ไหน หรือให้สองพี่น้องเรียนออนไลน์ให้จบเทอมนี้ก่อนไหม ทางแม่โบว์บอกว่า ลูกชายทั้งสองคน ยืนยันขอย้ายโรงเรียน ซึ่งตอนนี้ทางโรงเรียนยินดีจะเยียวยาค่ารักษาให้ ด.ช.บี น้องคนเล็ก รักษาอาการแผลพุพองจากการติดเชื้อ
แต่คุณแม่ยังต้องการให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดำเนินการความผิดทางวินัยตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ กับทางครูประจำหอพัก ซึ่งทางในวินัยอยู่ในขั้นตอนตั้งคณะกรรมการสอบสวน และพิจารณาบทลงโทษ ซึ่งหากผลออกมาจะติดตามดำเนินคดีความผิดทางอาญาด้วย
ล่าสุด อาการแผลพุพองจากการติดเชื้อของ ด.ช.บี น้องคนเล็ก แผลยังเป็นหนองพุพอง และต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้ยาทา และยาอาบฆ่าเชื้อรักษาแผล
คุณแม่ยืนยันว่า ไม่ได้ติดใจในเรื่องการทำโทษ เมื่อเด็กทำผิด แต่การลงโทษก็ไม่ควรเกินขอบเขต ถ้าเด็กทำความสะอาดไม่เรียบร้อย ก็แจ้งให้ทำความสะอาดใหม่ หรือแจ้งครูให้ทราบ เชื่อว่าครูมีวุฒิภาวะมากพอที่จะจัดการกับบทลงโทษได้อย่างเหมาะสม
คุณแม่โบว์ยังอยากฝากบอกว่า ครูโรงเรียนประจำ อยากให้คิดว่าเด็กนักเรียนทุกคนเหมือนลูกคนหนึ่ง ทำให้เด็กนักเรียนทุกคนกล้าที่จะพูดคุยกับครูมากขึ้น
ส่วนเด็ก ๆ ที่ได้รับความรุนแรงในโรงเรียน คุณแม่ของเด็กสองคนขอให้ลูก ๆ ทุกคนบอกความจริงกับพ่อแม่ จะได้ช่วยแก้ปัญหาได้ และอยากให้เคสแบบนี้เป็นเคสสุดท้าย
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35