ความคืบหน้า พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ถูกภรรยาใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้านพัก ย่าน ซอยบรมราชชนนานี 70 เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ (20 ก.พ.) ลูกสาวยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท ประกันตัวแม่ โดยตำรวจได้ตั้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา"
พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.ธรรมศาลา เปิดเผย พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ นางพรประภา ปิ่นสุข อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งเป็นภรรยาของ พล.ต.ท.ปัญญา และให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงสามีจนเสียชีวิต สาเหตุมาจากเรื่องความเครียดปัญหาส่วนตัว ภายในครอบครัว ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
จากนั้น เมื่อบันทึกถ้อยคำและเก็บหลักฐานในตัวของผู้ก่อเหตุเสร็จสิ้นแล้ว และเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา บุตรสาวของ พล.ต.ท.ปัญญา ซึ่งมาอยู่คอยดูแลแม่มาตลอดทั้งคืน ได้ยื่นเงินสดเป็นหลักทรัพย์จำนวน 500,000 บาท ขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจาก มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่พบว่าจะมี พฤติกรรมการหลบหนี และจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานพร้อมกับยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงเข้าหลักเกณฑ์ที่จะให้ประกันตัว
ขณะที่มีรายงานว่าหลังจากที่ได้รับการประกันตัว นางพรประภา จะไปอาศัยอยู่ในความดูแลของลูกสาว เพราะไม่อยากกลับเข้าไปในบ้านที่เป็นจุดเกิดเหตุอีก หากกลับไปจะต้องเจอสภาพบ้านและทำให้เกิดอาการเครียด เพราะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับบ้านหลังเกิดเหตุดังกล่าวอยู่กันแค่เพียงสองคน เกรงว่าจะไม่มีใครดูแลสภาพจิตใจ ในระหว่างนี้
ขณะที่นายชัยรัตน์ เชาวลิตพิเชฐ์ เพื่อนบ้าน หนึ่งในคนที่เข้าไปอุ้มร่างพลตำรวจโทปัญญา ในวันเกิดเหตุ เล่าว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุตนเพิ่งกลับมาจากซักผ้า ขับรถผ่านมาถูกช่างเหล็กเรียกให้เข้าไปช่วยนายตำรวจ ตอนนั้นตนไม่ได้คิดอะไร แค่จะเข้าไปช่วยเท่านั้น แต่ไม่กล้าเข้าไปในบ้านจึงรอให้ครบ 4 คนแล้วเข้าไปพร้อมกัน
เมื่อมาครบจึงพากันขึ้นไปชั้น 2 พบ ร่างของนายตำรวจนอนอยู่ที่พื้นในห้องทำงานฝั่งริมน้ำในลักษณะนอนหงาย จมกองเลือด และด้านข้างมีผ้าขนหนูสับเลือดวางอยู่ แต่ไม่ได้สังเกตว่ามีปืนอยู่ในจุดเกิดเหตุหรือไม่ รวมถึงยอมรับว่าวินาทีนั้นไม่ได้สังเกตว่าร่างผู้ตายยังหายใจอยู่หรือไม่ คิดแต่เพียงว่าจะนำร่างออกมาเท่านั้น แต่พอมาถึงชั้นล่างไม่สามารถนำร่างขึ้นรถได้
เนื่องจากมีน้ำหนักมากก่อนที่เพื่อนบ้านรายหนึ่งจะทับว่าหากเสียชีวิตไม่ควรเคลื่อนย้ายศพ ทุกคนจึงตัดสินใจวางร่างไว้กับพื้น รอการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมาพลตำรวจโทปัญญาและภรรยา ไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันมานานแล้วครั้งล่าสุดคือเมื่อหลายปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่สังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านเกิดเหตุพบว่าประตูรั้วปิดแต่แม่บ้านยังคงเข้ามาทำงานตามปกติ แต่ไม่ออกมาพูดคุยกับผู้สื่อข่าว โดยศพของพล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข จะนำประกอบพิธีทางศาสนาที่ศาลา 5 วัดตรีทศเทพ เขตพระนคร
ขณะเดียวกันมีอดีตนายตำรวจซึ่งเคยร่วมงานกับ พล.ต.ท.ปัญญามากกว่า 10 ปี ระบุว่า ตนเองตกใจเมื่อทราบข่าวว่าท่านถูกยิงเสียชีวิต เพราะเท่าที่เคยร่วมงานกันมา ท่านเป็นคนดี ซื่อสัตย์ เป็นที่รักของลูกน้อง และตั้งใจทำงาน สมัยที่ตนเองทำงานกับท่าน ก็เคยเห็นท่านออกงานร่วมกับภรรยาเป็นประจำ ซึ่งภรรยาท่านก็เป็นคนใจดีและดูรักใคร่ ไม่เคยมีปัญหาหรือทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน
นอกจากนี้ขอยืนยันตัว พล.ต.ท.ปัญญาเองไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวและเรื่องเที่ยวผู้หญิง ปกติแกเป็นคนทำงานยันดึกดื่น คาดว่าปมเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปัญหาในครอบครัว ตนก็เกษียณราชการมา 7 ปี และไม่ได้ไปพบท่าน ก็ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ติดต่อกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ตนส่งไลน์หาท่าน ท่านก็ตอบกลับมา และไม่ได้คุยกันอีกจนทราบข่าวเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.)
พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฝ เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของ พลตำรวจโทปัญญา ปิ่นสุข ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเป็นประธานชุดสอบสวนคดีนี้ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับความเครียด หรือกดดันจากการทำงาน เพราะไม่มีการเร่งรัดในการสอบสวน
ซึ่งที่ผ่านมาพลตำรวจโทปัญญา ก็ทำงานอย่างเต็มที่และมีความรู้ความสามารถในการสอบสวน และได้รับความสัมพันธ์อันดีจากผู้บัญชาการ สอท. จึงได้มาร่วมในคณะทำงาน ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะมีการประชุมร่วมกันในการกำหนดการทำงานกันอีกครั้ง
ขณะนี้ทางญาติ ได้เดินทางมาที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.ศิริราช ได้เชิญพระสงฆ์จากวัดตรีทศเทพวรวิหารมาขอรับศพ พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา รดน้ำศพที่วัดตรีทศเทพฯ ในช่วงเย็นวันนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ห่อร่าง พล.ต.ท.ปัญญา ด้วยผ้าแพรปักดิ้นทอง คลุมอย่างมิดชิด โดยไม่มีญาติมาแสดงตัวแต่อย่างใด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรีบนำศพขึ้นรถ และขับออกไปทันที
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35