เช้านี้ที่หมอชิต - บัณฑิตสาวร้อยเอ็ด เสียท่าแก๊งมิจฉาชีพ แต่งชุดตำรวจวิดีโอคอลหลอกว่าเหยื่อค้างบัตรเครดิต แถมรู้ข้อมูลส่วนตัวและยอดเงินในบัญชีธนาคาร อ้างเหยื่อเกี่ยวข้องขบวนการยาเสพติดและฟอกเงิน ทั้งขู่ทั้งกดดันจนหลงเชื่อ สุดท้ายเสียเงินไปเกือบ 6 แสนบาท
เมื่อวานนี้ มีผู้หญิง 2 คน ชาวจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่งกายเป็นตำรวจ หลอกให้โอนเงิน 580,000 บาท เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุให้ด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้แจ้งความออนไลน์เอาไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นางสาวเอิร์น นามสมมุติ คนที่โดนหลอก เล่าว่า ตนเพิ่งเรียนจบครุศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบบรรจุข้าราชการครู ต่อมามีโทรศัพท์จากผู้หญิงอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งว่าตนใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าในห้างแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี และไม่ชำระยอด 59,000 บาท ตนก็ปฏิเสธว่าไม่เคยมีบัตรเครดิต และไม่เคยใช้บัตรเครดิต แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่าน่าจะมีคนอื่นเอาบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัตรเครดิต จากนั้นก็บอกตนว่าจะโทรไปหาตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี
นางสาวเอิร์น เล่าต่อว่า ไม่นานก็มีชายแต่งเครื่องแบบตำรวจวิดีโอคอลมาหาตน แนะนำตัวว่าชื่อ สมพงษ์ จันทร์ภูมา เห็นใบหน้าและมีเสียงวิทยุแต่ไม่เห็นบรรยากาศรอบ ๆ จากนั้นก็ให้คำปรึกษา แล้วให้ลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งตำรวจมีหมายเลขบัตรประชาชนของตนอยู่แล้ว และนำไปตรวจสอบ พร้อมกับแจ้งว่าตนมีส่วนพัวพันการฟอกเงินยาเสพติด เขาหาว่าตนเปิดบัญชีเองที่จังหวัดชลบุรี จากนั้นก็ให้ตนคุยกับตำรวจสารวัตรเจ้าของคดี อ้างชื่อว่า รองวิรุต สาระสิทธิ์ บอกว่าเป็นคดีใหญ่ จากนั้นก็สอบปากคำตน และให้ตนรับสารภาพ
นางสาวเอิร์น เล่าต่ออีกว่า สารวัตรถามตนว่ามีเงิน 7 แสนกว่าบาท โอนเข้าบัญชีตนใช่หรือไม่ ซึ่งก็ตรงกับจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีตน เพราะตนเป็นผู้รับสินไหมจากการทำประกันอุบัติเหตุให้ญาติ ซึ่งญาติเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต มีเงินโอนเข้าบัญชี 7.4 แสนบาท สารวัตรเก๊คนนั้นบอกอีกว่ากลุ่มคนร้ายที่พัวพันยาเสพติดถูกจับแล้ว และสารภาพว่าตนไปขายบัญชีธนาคารให้กลุ่มดังกล่าว พร้อมกับโอนเงิน 7 แสนบาท เข้าบัญชีตน ซึ่งตนรู้สึกตกใจเพราะยอดเงินทำไมตรงกัน ตำรวจให้ตนโอนเงินไปให้ ปปง. ตรวจสอบ ถ้าตนไม่ยอมโอนตำรวจก็จะอายัดบัญชี จะใช้ไม่ได้เป็นเวลา 3 ปี และจะดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน จับตนไปขังไว้ที่จังหวัดชลบุรี
นางสาวเอิร์น เล่าอีกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในคราบตำรวจยังขู่ตนอีกว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปปรึกษาใคร เพราะจะโดนคดีไปด้วย แถมมาถามว่าจะสอบข้าราชการครูไม่ใช่เหรอ ถ้ามีคดีขึ้นมาก็หมดอนาคตไปเลย ตนก็ไม่รู้ว่าทางตำรวจเก๊คนดังกล่าวรู้ข้อมูลนี้ได้อย่างไร ตนบอกว่าจะไปแจ้งความที่โรงพักในท้องที่ภูมิลำเนาที่ตนอยู่ ก็ขู่มาอีกว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ถูกจับก็มีแต่ทหารยศใหญ่ ถ้าไปแจ้งความแล้วจะไม่ปลอดภัย คนที่ยังไม่ถูกจับกุมก็จะมาทำร้าย ตนรู้สึกกลัวและกดดันจากการข่มขู่จึงยอมโอนเงินไป
นางสาวเอิร์น บอกว่า ตัดสินใจโอนเงินไปที่บัญชีธนาคารออมสิน ชื่อเจ้าของบัญชี นายสันติภาพ บุญธิมา โดยให้แบ่งโอน 2 ครั้ง โอนครั้งแรก 440,000 บาท ครั้งที่สอง 140,111 บาท รวมเงินที่โอนไป 580,111 บาท ตำรวจจะตรวจสอบแล้วจะโอนเงินคืน หลังโอนเงินไปแล้วตำรวจคนดังกล่าวบอกว่าขอไปประชุมแล้วก็วางสายหายไป
ทางด้านคุณแม่ของนางสาวเอิร์น เปิดเผยว่า ได้ทำประกันชีวิตให้ญาติ เมื่อ 1 เดือนก่อนญาติเสียชีวิต จึงได้โอนเงินสินไหมให้ลูกสาวและลูกชายคนละ 7.4 แสนบาท ลูกสาวตั้งใจจะนำเงินจำนวนนี้ไปสร้างบ้าน พอรู้ว่าลูกถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกก็รู้สึกเสียใจ กว่าจะได้เงินมา ลูกสาวไม่ติดตามข่าวเลย ทั้งที่พ่อกับแม่ก็บอกตลอด จึงขอให้ทางตำรวจช่วยติดตามคดีนี้ให้หน่อย และฝากเตือนประชาชนทั่วไป หากมีสายแปลกโทรหาก็อย่ารับ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม