จากกรณีชายหนุ่มเจ้าของร้านอาหาร เข้ามาร้องเรียนกับรายการถกไม่เถียง ให้ช่วยเรื่องที่ไปเช่าที่ดินเปล่ามาเดือนละ 1 หมื่นบาท เพื่อทำร้านอาหาร พร้องทั้งลงทุนแต่งเติมร้านใหม่หมดกว่า 5 แสนบาท โดยสัญญายาว 2 ปี แต่อยู่ได้เพียงปีกว่า เจ้าของที่เข้ามายึดสิ่งปลูกสร้างทุกอย่าง อีกทั้งยังไม่ให้ขายของต่อ !
วันที่ 16 ก.พ. 66 ประสิทธิ์ คงฤทธิ์ (เติ้ล) ผู้เช่า ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนได้มาเช่าที่ดินดังกล่าว เนื่องจากรู้จักกับเจ้าของที่ดิน เจอกันที่โต๊ะสนุ๊กบ่อยคุยกันเรื่อยมาจนได้คุยกันเรื่องเช่าที่ดิน เพราะตนอยากเปิดร้านอาหาร เจ้าของที่เลยเสนอที่ของเขาให้ตนเช่า พอได้เห็นที่ของจริงก็เกิดชอบ จึงตกลงทำสัญญาเช่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 เป็นระยะเวลา 2 ปี จะหมดสัญญาวันที่ 1 ก.ค. 66 ค่าเช่าเดือนละ 10,000 บาท โดยตอนนั้นวางเงินมัดจำค่าเช่าที่ไป 30,000 บาท พร้อมกับค่าเช่าเดือนแรก 10,000 บาท ส่วนค่าไฟเป็นมิเตอร์เดียวกัน เขาจะจ่ายค่าไฟเดือนละ 1,300 บาท ส่วนต่างจากนั้น ตนเป็นคนจ่าย
ทั้งนี้ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินเปล่า ตนต้องสร้างร้านขึ้นมาใหม่เอง โดยดำเนินการถมดิน สร้างเวที สร้างห้องน้ำชาย-หญิง ซุ้มกาแฟ และอีกหลาย ๆ ซุ้ม รวมทั้งเดินไฟใหม่ภายในร้าน ของตกแต่งมากมาย อีกทั้งซื้ออุปกรณ์เครื่องครัวของใช้มาลงที่ร้าน รวม ๆ แล้วใช้เงินลงทุนไปประมาณ 500,000 บาท
ขณะเดียวกัน ตนค้างค่าเช่าที่ ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. 65 ยอดค้างล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 66 ตนค้างอยู่ที่ 60,000 บาท ได้นำไปจ่ายให้เขา 14,500 บาท จากตอนแรกที่ตกลงกันไว้ 16,000 บาท ตนขอติดไว้ 1,500 บาท เพราะจะนำไปซื้อเนื้อสัตว์ของต่าง ๆ มาขาย ส่วนยอดค้างที่เหลือตนได้คุยกับเจ้าของที่ตอนนั้นเลยว่า ตนจะผ่อนจ่ายเพิ่มจากค่าเช่าเดือนละ 3,000 - 4,000 บาท ซึ่งเขาก็ไม่ได้แย้งอะไร พร้อมทั้งก่อนหน้านี้ตนได้คุยกับเจ้าของที่แล้วเรื่องค้างค่าเช่า เขาก็ยังเข้าใจตนอยู่และคุยดีกันอยู่ ซึ่งเขาบอกแต่ว่า "ช่างเติ้ลอยากทำอะไรทำเลย ผมชอบคนทำมาหากิน"
กระทั่งวันที่ 2 ก.พ. 66 ตนนำเงินไปให้เขา 1,500 บาทตามที่ตกลงกันไว้ แต่ตัวเจ้าของที่ไม่ยอม จะเอาค่าไฟของเดือนใหม่เพิ่มด้วย ซึ่งตนได้ขอเขาว่า ไม่เกินวันที่ 10 ก.พ. 66 ตนจะเคลียร์ค่าไฟให้ สุดท้ายเขาก็ไม่ยอม บอกตนมาว่า "ถ้างั้นมึงก็ไม่ต้องเปิดร้าน" ไล่ตนไม่ให้เปิดร้าน พร้อมเข้ามาข่มขู่จนลูกของตนตกใจกลัว คืนวันเดียวกันตนเลยไปลงบันทึกประจำวันไว้ว่าตนไม่ได้เปิดร้าน วันที่ 3 ก.พ. 66 ตนเลยเข้าไปแจ้งความ และวันที่ 5 ก.พ. 66 ตำรวจก็ได้พาตนเข้าไปเอาของใช้ต่าง ๆ ภายในร้านคืน สุดท้ายก็ไม่ได้ของคืน เจ้าของที่เขาไม่ให้ พร้อมบอกว่า "ตะปูสักตัวก็ไม่ให้"
นอกจากนี้ ตนได้เอาเงินสด 15,000 บาท ไปคืนให้พี่ชายของเจ้าของที่ เพื่อเอาเครื่องเสียงของตนคืน เนื่องจากว่าตนเคยยืมเงินพี่ชายเขามา แล้วเขาเอาเครื่องเสียงเป็นตัวค้ำประกัน แต่พี่ชายเขาก็ไม่รับเงินพร้อมเดินหนี ทั้งนี้สัญญาเช่าที่ก็มีการแก้ไขระยะเวลาสัญญา โดยใช้ลิขวิดเปเปอร์ลบแก้ จากเริ่มเช่าปี 64 หมดสัญญาปี 66 กลายเป็นเริ่มสัญญาปี 63 หมดสัญญาปี 65 ซึ่งสัญญาฉบับนี้ตอนแรกมันอยู่ที่ตน แต่เจ้าของที่มาขอยืมเมื่อต้นปี 65 เพื่อนำไปทำเรื่องกู้ยืมเงิน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนอยากได้ของของตนคืน ส่วนเงินค่าเช่าตนจะหาผ่อนคืนให้
ฟาก สรัญญา ภาระสุข (หน่อย) ผู้เช่า เผยว่า ยอมรับว่าตนก็มีส่วนผิดที่พวกตนค้างค่าเช่าที่กับเจ้าของ ซึ่งมันประสบปัญหาจากโควิด19 และปี 65 เองฝนตกหนักมาก ทำให้บางวันไม่มีลูกค้าเลยก็มี สำหรับตอนนี้ที่เขายึดของของตนไว้ ทำให้ตนไม่สามารถประกอบอาชีพหารายได้ได้ ตนหมดตัวจริง ๆ เหลือเงินกันทั้งบ้านแค่ 700 บาท ตนยินดีจะให้ทำสัญญาผ่อนหนี้ได้เลย ตนแค่อยากได้ของคืน ไปประกอบอาชีพ
ด้าน ศรุดา โชติพนัง (แอน) เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า นายเติ้ลมีการค้างค่าเช่าที่จริง อีกทั้งเมื่อก่อนเขามาจ้างตนเป็นแม่ครัวให้ร้านของเขา จ้างวันละ 500 บาท/วัน ซึ่งหลัง ๆ เขาก็เริ่มไม่ไหวลดค่าจ้างมาเหลือ 250 บาท/วัน และก็เริ่มค้างค่าแรงมากขึ้นเป็นหมื่น ตนก็ลดให้เหลือวันละ 150 บาท ทำทุกอย่างเก็บกวาด ล้างจานด้วย รวมแล้วเขาค้างตนกว่า 54,000 บาท ทั้งนี้ที่ดินดังกล่าว จริง ๆ แล้วเป็นการใช้ร่วมกัน โต๊ะ จานชาม ตู้กระจก ของบางอย่างก็เป็นของตน เพราะตนก็ขายของตอนกลางวันด้วย
สำหรับทางออก เมื่อวาน(16 ก.พ. 66) ตนได้คุยกับกระทรวงยุติธรรม เขาแนะนำให้ตีมูลค่าของที่ยึดมาว่าแต่ละชิ้นเท่าไหร่ แล้วนำไปหักลบกับยอดหนี้หากเหลือ เขาก็เอาของที่เหลือของเขาคืนไปได้ ตนยืนยันว่า ถ้าไม่ได้เงิน ของชิ้นใหญ่ ๆ ตนต้องยึดไว้เป็นหลักประกัน ส่วนของเล็ก ๆ จะเอาไปตนก็ไม่ได้ติดอะไร หรือจะให้คนมาตีราคาแล้วซื้อของไป แล้วนำเงินมาให้ตนก็ได้
ฟาก ประเสริฐ สิริเลิศมงคลชัย (หนุ่ม) เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า เรื่องเครื่องเสียง นายเติ้ลเอาเงินมาคืนพี่ชายตนจริง แต่ตนเคยคุยกับเขาไว้แล้ว ว่าถ้าไม่เอาเงิน 54,000 มาคืนตน ห้ามเอาอะไรออกไปทั้งนั้น ซึ่งนายเติ้ลเขาก็รับเงื่อนไข แต่มันเป็นเพียงคำพูดปากเปล่า พวกตนไม่ได้ยึดของเขาไว้เพื่อเอาไปจำหน่าย แต่ยึดไว้เพื่อเป็นหลักประกันให้เขาเอาเงินมาคืนตน ที่สำคัญคือมันมีเรื่องยาเสพติดด้วย โดยคุณหน่อย เป็นผู้เสพยา
ขณะที่สัญญาที่เขาอ้างว่าตนไปแก้ไข ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ทำ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมด้วย เพราะสัญญาคู่ฉบับตนก็มี อีกทั้งสัญญาคู่ฉบับของตนระวะเวลาให้เช่าก็ยังเป็นปี 64 ถึงปี 66
คุณแอน กล่าวต่อว่า ตนรู้ว่านายเติ้ลเป็นคนแก้สัญญาเช่าเอง เนื่องจากเขาจะเอาไปทำเรื่องกู้กับไฟแนนซ์เพื่อมาซื้อรถ แต่ไฟแนนซ์ไม่ให้ผ่าน เพราะเพิ่งเช่าร้านแค่ 4-5 เดือน เหมือนอายุงานก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่ ไฟแนนซ์เลยให้แก้ไขสัญญาย้อนหลังเพื่อให้การกู้ซื้อรถคันดังกล่าวผ่าน
เติ้ล กล่าวเพิ่มว่า ที่คุณแอนกล่าวอ้างมา ไม่เป็นความจริง เพราะไฟแนนซ์ที่ตนไปกู้ซื้อรถ เขาขอเอกสารแค่บัญชีการเงิน 6 เดือน ซึ่งตนให้เขาไป 1 ปีเลย และเขาก็ขอใบทะเบียนพาณิชย์ ซึ่งตนก็เพิ่งจดได้ 4-5 เดือน ไฟแนนซ์เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร อีกทั้งยังขอบิลยอดขายของร้านตนในระยะเวลา 3 เดือนไปให้เขาแค่นั้น ส่วนรายมือที่แก้ไขในสัญญา ไม่ใช่รายมือตนหรือภรรยาแน่นอน
ขณะที่ สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า ในกรณีเอกสารมีการแก้ไข มีการลบ ตัดทอนข้อความ ใครเป็นคนทำจะมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกข้อที่ตนเป็นห่วงคือหากมีการไปแจ้งความร้องทุกข์ เกรงว่าจะโดนเรื่องแจ้งความเท็จอีก ดังนั้นเรื่องนี้ คนทำรู้อยู่แก่ใจ อย่าทำให้มันบานปลายเลย
ส่วนทรัพย์สินของตัวผู้เช่า หากอยู่กับผู้ให้เช่า แล้วเกิดมีของหายไป หรือของเสียหาย ผู้เช่าไปแจ้งความลักทรัพย์ ผู้ให้เช่าจะเดือดร้อนอีก อีกทั้งผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิ์ไปยึดของผู้เช่า เพราะมันยังไม่ครบกำหนดสัญญา ทางออกที่ดีคือ ให้ผู้เช่าทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ มูลหนี้เท่าไหร่ก็ว่าไป จะคืนทรัพย์สิน แล้วผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ๆ ไปก็ได้ หากผิดนัดชำระก็ฟ้องร้องบังคับคดีไป
ทั้งนี้ระหว่างรายการทั้ง 2 ฝ่าย มีการตกลงกันไม่ลงตัว ฝ่ายผู้เช่าก็พยายามจะขอของเพื่อนำไปประกอบอาชีพ โดยอยากได้ซุ้มกาแฟ แต่ฝั่งผู้ให้เช่าก็อยากยึดซุ้มกาแฟเอาไว้เพื่อเป็นหลักประกัน เพราะเกรงว่าจะไม่ได้หนี้คืน ซึ่งอยากให้ฝั่งผู้เช่าจ่ายเงินมาก่อน 5,000 บาท และทำหนังสือสัญญายอมรับสภาพหนี้ผ่อนหนี้คืนเป็นงวด ทว่าผู้ให้เช่าเองก็ไม่มีเงินมากพอในตอนนี้ พิธีกร ทิน โชคกมลกิจ จึงอาสาเป็นคนให้เงินจำนวน 5,000 บาท และให้ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ เป็นผู้ร่างหนังสือยอมรับสภาพหนี้แทน รวมถึงข้อตกลงต่าง ๆ
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35