หนุ่มส่งรถซ่อมอู่ 15 เดือน จ่ายสด 1.1 แสน เครื่องพัง อะไหล่หาย อู่ท้าแจ้งความ !

หนุ่มร้องถกไม่เถียง เสียเงินซ่อมรถ 110,000 บาท อู่ซ่อมรถดองงาน 1 ปี 4 เดือน แอบทำอะไหล่หายรถพังกว่าเดิม เจ้าของอู่ยืนยันพร้อมเจรจา แต่ต้องมีคนกลางเป็นตำรวจ

 

 

วันที่ 14 ก.พ. 66 คุณทรงสิทธิ์ จันทาพูน (แจ็ค) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ตนนำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งที่แสมดำ โดยตนทำงานอยู่ที่จังหวัดระยอง เรื่องเกิดจาก เมื่อเดือน ม.ค. 64 ตนประสบอุบัติเหตุถูกสะกิดท้ายจนรถไปประสานงากับรถอีกฝั่งหนึ่งที่ขับสวนมา และได้เจอข้อมูลทางออนไลน์ว่าอู่ดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ มีบริการซ่อมที่ดี พูดคุยตกลงแล้วสามารถซ่อมได้ จึงตัดสินใจนำรถไปซ่อมที่อู่นี้ คิดค่าซ่อมรถอยู่ที่ 160,000 บาท ที่ตัดสินใจซ่อมเพราะรถคันนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของตน

 

 

ตนได้จ่ายเงินค่าซ่อมไปสองครั้ง รวมเป็นเงิน 110,000 บาท และได้เข้าไปตรวจเช็กหลายครั้ง แล้วพบว่าสภาพรถไม่ได้ดีขึ้นเลยหลังจากเอาเข้าอู่ซ่อมรถ เช่น บันไดข้างรถหาย ชุดช่วงล่างของรถหาย ประตูฝั่งคนขับถูกสับเปลี่ยนเอาของมือสองรุ่นอื่นมาใส่แทน ชุดแหนบยึดท้ายด้านขวาหาย มือดึงฝากระบะท้ายหาย ไฟท้ายหาย หัวเกียร์ถูกถอดออก ซึ่งหลักฐานทั้งหมด ตนได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานก่อนส่งรถเข้าอู่

 

หลังจากที่แจ้งว่าอู่ทำรถของตนเสียหายมากขึ้น ทางอู่จึงรับผิดชอบด้วยการหาคนมาซื้อรถให้ ส่วนรายละเอียดการซ่อมทางอู่ไม่ยอมบอกว่าทำอะไรไปบ้าง จึงต้องไปหาข้อมูลเอง ตอนนี้รถของตนอยู่กับอู่ที่สองที่จะมารับซื้อรถ เมื่อตรวจสอบแล้วว่ามีชิ้นส่วนบางอย่างหายไป จึงสอบถามไปยังอู่แรกที่ซ่อมให้ ซึ่งทางอู่ก็ยอมรับและจะรับผิดชอบให้เล็กน้อย โดยให้ตนไปลงบันทึกประจำวันว่าไม่ติดใจเอาความ ส่วนค่าซ่อมรถ 160,000 บาท อู่บอกว่าที่จริงแล้วสภาพความเสียหายของรถ ค่าซ่อม 300,000 บาทก็ยังไม่พอ 

 

 

ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่าการที่อู่ถอดอะไหล่ของลูกค้าไปขาย มีความผิดยักยอกทรัพย์ นอกจากนี้การหลอกให้โอนเงินค่าซ่อมรถถือว่าเป็นคดีฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีอาญา ถ้าหากผู้ต้องหาไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยตามจริง ก็สามารถดำเนินคดีได้ พร้อมแนะนำผู้เสียหายว่าอย่าไปจำยอมรับเงินเยียวยาจากอู่ซ่อมรถที่น้อยเกินจริงแล้วยอมความ

 

ด้านคุณมด เจ้าของอู่ซ่อมรถกล่าวว่าตนพร้อมที่จะเจรจากับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายยังไม่นัดมาเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก ส่วนเรื่องอะไหล่ของรถที่หายไป ตนจำเป็นต้องรื้อออกทั้งหมดเพราะตัวรถเสียหายหนักมาก ต้องถอดอะไหล่ทั้งหมดออกมาซ่อมแล้วยังไม่ได้ใส่คืน 

 

 

คุณทรงสิทธิ์ ต้องการค่าซ่อมรถ 110,000 บาท และค่าอะไหล่รถที่หายไป มูลค่าประมาณ 82,000 บาท คืน พร้อมกล่าวว่า “ถ้าอยากได้ก็เอาไปเลย แล้วจ่ายเงินผมด้วย ถือว่าเขามาซื้อรถผมแล้วกัน” ส่วนคุณมดเจ้าของอู่ยืนยันว่าจะขอให้คุณทรงสิทธิ์ผู้เสียหายนัดวันมาเจรจามาโดยมีคนกลางและจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่จะให้เรื่องจบ

 

ด้านทนายสงกาญ์ แนะนำว่าให้ไปแจ้งความข้อหายักยอกทรัพย์เป็นคดีอาญา เพื่อให้ผู้เสียหายกับเจ้าของอู่ไปเจรจากันที่ศาล เพื่อให้ศาลเป็นคนกลาง และมีสภาพบังคับ แล้วเมื่ออู่ซ่อมรถคืนเงินทั้งหมดแล้ว ก็สามารถถอนแจ้งความได้ โดยทางรายการถกไม่เถียงจะช่วยประสานงานเจรจาให้แก่ผู้เสียหาย