คุณพ่อคนหนึ่งติดใจกรณีการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังภรรยาตัวเอง ต้องมาเสียชีวิตจากการพาไปฝากครรภ์ โดยสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ส่วนลูกในท้องของตัวเองที่อยู่ในครรภ์
ผญบ. และครอบครัวคาใจลูกสาวท้อง 8 เดือนตายทั้งกลมไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ฝากครรภ์พิเศษกับคลินิก ไปตรวจตามหมอนัดประจำ สุดท้ายตรวจพบลูกตายในท้องหลายวันส่วนแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด แม่ผู้ตายตัดพ้อถ้าหมอใส่ใจกว่านี้ลูกและหลานในท้องคนไม่ตาย ชี้ฝากครรภ์พิเศษคลินิกเหมือนฝากชีวิตไว้กับหมอ ด้าน ผอ.รพ.บุรีรัมย์เผยเร่งสอบสวนหาสาเหตุจุดบกพร่องเพื่อนำไปแก้ไข พร้อมเยียวยาตามสิทธิ
ทีมข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นชาวบ้านใน ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน และใกล้จะคลอด แต่เธอเสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สามีของเธอได้พาไปฝากครรภ์พิเศษกับคลินิก และไปตรวจตามที่หมอนัดเป็นประจำ แต่กลับมีอาการเป็นไข้ และผื่นคันขึ้นตามตัว
จากนั้นสามีได้พาไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ก่อนจะตรวจพบว่า ลูกในครรภ์เสียชีวิตมาแล้วหลายวัน และเมื่อผ่าตัดเอาเด็กออก กลับทำให้ผู้เป็นแม่เสียชีวิตไปพร้อมกับลูกด้วย
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดบ้านบัว อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งทางครอบครัวได้นำร่างของคุณแม่ท่านนี้ ตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยบรรยากาศในงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
ทีมข่าวได้พบกับพ่อของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงนางจิต แม่ของผู้เสียชีวิต รวมถึงได้พบกับ นายพิเชษฐ์ สามีของคนตาย โดยทุกคนยังไม่สามารถทำใจกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกันถึง 2 ชีวิต และที่น่าสงสารที่สุดก็คือ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุเพียง 1 ขวบ 4 เดือน ต้องกลายเป็นเด็กที่กำพร้าแม่
นายพิเชษฐ์ เล่าว่า ได้พาภรรยาไปฝากครรภ์ลูกคนที่สอง จึงพาไปฝากครรภ์พิเศษกับ คลินิกหมอเฉพาะทางแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน ก็ไปพบหมอที่คลินิกทุกครั้งที่หมอนัด โดยจะเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 900-1,200 บาท ช่วงอายุครรภ์ภรรยาได้ 6-7 เดือน ก็จะไปหาหมอที่คลินิกบ่อยขึ้น เพราะภรรยามีอาการผิดปกติ หมอคลินิกจึงให้ยามากินเป็นประจำ แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปพบหมอตามนัด โดยหมอแจ้งว่า “เด็กไม่ค่อยดิ้น” และได้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยหมอให้น้ำเกลือแล้วกลับบ้าน
ต่อมาเช้าวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ภรรยาเกิดอาการมีผื่นขึ้นตามตัว มีไข้อ่อน ๆ จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล ทางหมอได้ให้ยาแก้ไข้มากิน แต่กินแล้วอาการไม่ดีขึ้น ช่วงค่ำวันเดียวกันมีอาการปวดท้องจึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง
หลังจากหมอตรวจอาการได้ส่งตัวภรรยาเข้าห้องผ่าตัด เพื่อผ่าเอาลูกในท้องออก เนื่องจากลูกที่อยู่ในท้องเสียชีวิตมาแล้วหลายวัน แต่ต่อมาอาการภรรยาทรุดหนัก สุดท้ายหมอแจ้งว่าติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้ไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตในวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา
ด้านคุณแม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกสาวไม่มีโรคประตัว พอคลอดลูกคนแรกก็ปกติดี แต่ก็แปลกใจว่า ไปฝากครรภ์พิเศษที่คลินิก ก็ไปพบหมอตามนัด แต่ทำไมหมอไม่รู้ว่า เด็กในท้องเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงปล่อยทิ้งไว้ตั้งหลายวัน จนลูกสาวอาการหนัก
พอมาผ่าตัดออกลูกสาวตนก็เสียชีวิต หากหมอใส่ใจติดตามอาการมากกว่านี้ ทั้งลูกสาว และหลานในท้องคงไม่ตาย ส่วนสาเหตุที่เลือกไปฝากครรภ์พิเศษ เพราะคิดว่าจะฝากชีวิตทั้งแม่และลูกไว้กับคุณหมอได้ ตนไม่ได้อยากจะโทษหมอ แค่อยากฝากเป็นอุทาหรณ์ว่า ควรใส่ใจคนไข้มากกว่านี้ ส่วนเรื่องจะช่วยเหลือเยียวยาก็ขึ้นอยู่กับทางโรงพยาบาลจะเข้ามาช่วยเหลือ
และเบื้องหลังกับกาย สวิต เราได้สอบถามไปยัง นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า ได้รับรายงานว่า คนไข้ได้เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีอาการผื่นคันตามตัว แพทย์ผิวหนังก็ตรวจรักษา และได้ให้ให้ยากลับไปรับประทานตามปกติ แต่คนไข้ไม่ได้แจ้งว่า ครรภ์ที่พบเกิดความผิดปกติ จึงไม่ได้ส่งไปตรวจที่แผนกสูตินรีแพทย์
พอคนไข้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในช่วงเย็น ก็มีอาการหนักแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน จึงพบว่า มีของเสียในท้อง ซึ่งหมายถึงเด็กในครรภ์เสียชีวิตแล้ว แม้จะพยายามผ่าเอาเด็กออก และพยายามช่วยชีวิตคุณแม่ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ เพราะมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และไตวายเฉียบพลัน
ส่วนการช่วยเหลือจากทางโรงพยาบาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ บอกว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเคารพศพ และแสดงความเสียใจกับทางครอบครัว โดยหลังจากนี้จะหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งจะหาสาเหตุหรือความบกพร่องที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป.
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35