เช้านี้ที่หมอชิต - คดีดาราสาวชาวไต้หวัน อัน หยูชิง กล่าวหาว่าตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท เดินทางมาถึงจุดสำคัญอีกครั้ง เมื่อคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำพยานชาวสิงคโปร์ที่อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทให้ตำรวจ มาแถลงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่โรงแรมเดอะเดวิส คอนเนอร์วิง สุขุมวิท ซึ่งฟังแล้ว มีข้อมูลที่น่าตกใจหลายอย่าง ที่เป็นรายละเอียดลึกลงไป โดยก่อนเปิดตัวพยานชาวสิงคโปร์ คุณชูวิทย์ เดินถือปี๊บเคาะมาเรื่อย ๆ เคาะเพื่อสื่อถึงอะไรนั้น ลองไปดูบรรยากาศที่เกิดขึ้น
จากนั้นคุณชูวิทย์ มาที่จุดแถลงข่าว ที่เต็มไปด้วยนักข่าว ก่อนจะอธิบายเกริ่นนำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น และได้เปิดตัวคุณสกาย พยานชาวสิงคโปร์ ที่ยอมบินจากสิงคโปร์เพื่อมาแถลงถึงความจริงที่พวกเขาต้องเผชิญ โดยมีคุณชูวิทย์ เป็นผู้คอยซักถามตลอดการแถลง คุณสกาย บอกว่า ถ้าไม่ไว้ใจคุณชูวิทย์ คงไม่เดินทางมา โดยในคืนนั้น ตนกับเพื่อนรวมทั้งอันหยูชิง เพื่อนดาราสาวไต้หวัน ไปงานวันเกิดเพื่อนอีกกลุ่ม ระหว่างกลับโรงแรมที่พักถนนรัชดาภิเษก เจอตำรวจตั้งด่าน ให้รถจอดข้างทาง และให้ทุกคนลงจากรถ จากนั้นค้นตัว ค้นกระเป๋า หนังสือเดินทาง และให้ถอดรองเท้า ซึ่งวันนั้นตนไม่ได้นำพาสปอร์ตมาจากโรงแรมที่พัก แต่ถ่ายรูปพาสปอร์ตไว้ในโทรศัพท์มือถือ
ตำรวจค้นและพบบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน จึงถามว่ามาจากประเทศไหน พร้อมทำหน้าซีเรียส และสั่งห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามติดต่อใคร ห้ามถ่ายรูป โดยในกลุ่มมีเพียงตนที่พูดภาษาไทยได้ ซึ่งพยายามถามเหตุผลแต่สงสัยว่าทำไมต้องตรวจมากขนาดนี้ เพราะมั่นใจไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ทั้งเรื่องพาสปอร์ตที่คนสิงคโปร์เข้าไทยโดยไม่ต้องมีวีซ่า และบุหรี่ไฟฟ้าที่มีขายใกล้ตลาดห้วยขวาง และเห็นคนไทยใช้กันปกติ
แต่ตำรวจกลับพูดไม่ดีกับตนว่าอย่ากวนตีน และแจ้งว่าการพกบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิด ส่วนหนังสือเดินทางตนขอเวลากลับไปโรงแรมที่พักเพื่อนำมาแสดงต่อตำรวจ แต่ตำรวจไม่ให้ไป
คุณสกาย บอกว่า พยายามอธิบายทั้งเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าและพาสปอร์ต แต่ตำรวจมีท่าทีโมโห และบอกว่า ทุกคนต้องไปสถานีตำรวจ และต้องติดคุกอย่างน้อย 2 วัน ซึ่งตัวคุณสกายเองเข้ามาไทยตั้งแต่ 25 ธันวาคม 65 มีกำหนดกลับ 5 มกราคม 66 ตำรวจจึงพาไปหาตำรวจอีกนายที่ดูเป็นเหมือนหัวหน้า แต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจ ซึ่งตำรวจนายนั้นบอกกับตนว่า ต้องจ่ายค่าบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน อันละ 8,000 บาท และไม่พกพาพาสปอร์ตอีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000 บาท ซึ่งตำรวจที่เข้ามาคุยเรื่องเงินมี 3 นาย นายแรก เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ สวมแจ็คเกต มีหนวดเครา เป็นคนเรียกและรับเงิน รวมทั้งเก็บเงินเข้ากระเป๋า ตำรวจนายที่ 2 รูปร่างสูงใหญ่ ไม่สวมหมวก ทำให้เห็นว่าหัวล้าน เป็นคนยืนบังกล้องวงจรปิด ส่วนตำรวจนายที่ 3 เป็นคนรูปร่างผอม ใส่ผ้าปิดหน้า
หลังจากรับเงินแล้ว ตำรวจยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้เพื่อนดาราสาวไต้หวัน อัน หยูชิง ถือแล้วถ่ายภาพ รวมทั้งตัวเขาและเพื่อนชาวสิงคโปร์อีกคน ที่ถูกให้ถือบุหรี่ไฟฟ้าให้ตำรวจถ่ายภาพด้วย
คุณสกาย บอกด้วยว่า คืนนั้นมีเงินติดตัวแค่ 30,000 บาท ตั้งใจจะซื้อของไปฝากครอบครัวที่สิงคโปร์ แต่เมื่อถูกตำรวจบีบบังคับเรียกเอาเงิน จึงต้องให้ไป และซ่อนเงินไว้ 3,000 บาท ไม่ให้ตำรวจเห็น ตอนนั้นทุกคนเครียดมาก เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และทุกคนอยากออกไปจากตรงนั้นเร็ว ๆ อยากออกไปจากประเทศไทย เพราะหากอยู่ต่อไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก
ส่วนกรณีที่มีคนพยายามบอกว่าพวกตนเมานั้น คุณสกายบอกว่า ไม่ได้เมา
ในการแถลงข่าว คุณชูวิทย์ ได้นำแฟ้มรูปภาพของตำรวจสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางมาเปิดให้คุณสกายดู ซึ่งคุณสกายดูรูปภาพ 2 รูปแล้วพยักหน้าจำได้
หลังจากคุณสกายเล่าเหตุการณ์จบ เป็นช่วงเวลาที่เปิดให้นักข่าวถาม ซึ่งผู้ประกาศข่าวเช้านี้ที่หมอชิต ได้ถามถึงเหตุผลที่คุณสกายกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง เพราะว่าเชื่อในคุณชูวิทย์ใช่ไหม
คุณสกาย และคุณชูวิทย์ ใช้เวลาแถลงข่าวชั่วโมงกว่า จนกระทั่งช่วงบ่าย 3 กว่า ตำรวจเดินทางมาบันทึกปากคำคุณสกาย ทำให้คุณสกายต้องขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนของโรงแรมเพื่อให้ตำรวจบันทึกปากคำ
ในขณะที่คุณชูวิทย์ ยังคงแถลงต่อ โดยเปิดเรื่องการตั้งด่านรีดไถของตำรวจนครบาล 88 สถานี และตำรวจจราจรกลาง ระบุอัตรารีดไถไว้ เช่น ตรวจพบว่าเมา แอลกอฮอล์ 30,000 บาท ฉี่ม่วง 100,000 บาท ยาเสพติด 300,000-500,000 บาท อาวุธ 30,000-50,000 บาท ควันดำ 10,000 บาท และบุหรี่ไฟฟ้า 30,000 บาท รายได้ส่งตำรวจนครบาลเดือนละ 264 ล้านบาท รายได้จราจรกลางที่ส่งตำรวจนครบาลเดือนละ 60 ล้านบาท รวม 324 ล้านบาท ซึ่งในช่วงนี้ คุณชูวิทย์นำเตารีดที่คุณวรัญชัย โชคชนะ นำมามอบให้ขณะแถลงข่าวมาใช้ประกอบการอธิบายด้วย โดยบอกว่า
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35