วันที่ 31 ม.ค. 66 นางสนิท อายุ 61 ปี ชาวบ้านโค้งเจริญ ต.มาบกาด อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา ออกมาร้องเรียนหลังจากที่เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 65 เวลาประมาณ 17.30 น. ขณะอยู่ที่บ้านพัก ได้เห็นว่ามีสุนัขจำนวน 2 ตัว วิ่งออกมาจากประตูบ้านของคู่กรณี ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของตน จากนั้นวิ่งมากัดไก่ชนจำนวน 1 ตัว ของตน แล้วคาบไก่ชนวิ่งหนีไปในบ้านของคู่กรณี ตนจึงได้วิ่งไล่ติดตามสุนัขไป และลูกสาวของคู่กรณี ที่มาจอดรถเปิดประตูรั้ว จนทำให้สุนัขวิ่งสวนทางหลุดออกมานั้น ก็ได้วิ่งติดตามสุนัขไปด้วยเช่นกัน
กระทั่งถึงบริเวณป่าหญ้าด้านข้างบ้านลูกสาวคู่กรณี ได้หยุดวิ่ง แต่ตนยังวิ่งไล่ติดตามสุนัขไปจนสุดทางรั้ว บริเวณป่าอ้อยของคู่กรณี จากนั้นสุนัขตัวดังกล่าวก็วิ่งคาบไก่ชนหนีไปในตัวบ้านของคู่กรณี ตนก็วิ่งตามมาและหยุดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งอยู่ในอาณาเขตบ้านของคู่กรณี พร้อมทวงถามเพื่อขอไก่ชนคืน
แต่คู่กรณีแจ้งว่า ตนบุกรุกเข้ามาในเขตบ้านของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตนจึงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจว่า มาตามเอาไก่ชนคืน โดยติดตามสุนัขที่คาบไก่ชนมาอย่างกระชั้นชิด แต่กลับถูกไล่ให้ให้ออกไปจากอาณาเขตบ้าน และถกเถียงกันระหว่างจะเดินออกประตูบ้าน ซึ่งคู่กรณีได้บอกว่าไม่ให้ออกทางประตู ตนจึงเดินมาริมรั้วและเห็นคู่กรณียกมือที่ถือปืนพกสั้น ก่อนจะยิงออกมา 1 นัด ลักษณะข่มขู่ ทำให้รู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าติดตามเอาไก่ชนคืน หรือเรียกร้องความเสียหายใดๆ
จากนั้น จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ แต่เวลาผ่านไปหลายเดือน คดีกลับล่าช้า จนเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 66 ตนได้รับหนังสือจากศาลแขวงนครราชสีมา ให้ไปพบในวันที่ 15 มี.ค. 66 และให้เซ็นยินยอมว่า บุกรุกบ้านของคู่กรณี
นางสนิท กล่าวด้วยว่า ยืนยันว่าตนเองติดตามไปติดๆ เพื่อเอาไก่ชนคืนจากสุนัข ไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุกบ้านของคู่กรณีแต่อย่างไร วันนี้จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะตนเองอยู่กับสามี เพียง 2 คน และสามีก็ป่วยเป็นมะเร็ง เลี้ยงไก่ชนพอประทังชีวิต ส่วนลูกสาวที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมก็ให้ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ตนเป็นชาวบ้านธรรมดา จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม ต้องการเรียกค่าเสียหายที่ไก่ชนที่ถูกสุนัขกัดตายไปร้อยกว่าตัว เป็นเงินจำนวน 200,000 บาท ก็ฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้วย
+ อ่านเพิ่มเติม