‘แม่ค้าขายกล้วย’ บ่ทน โอนเงินผิดบัญชี 1.5 หมื่น ปลายทางไม่คืน แถมท้าแจ้งความ พร้อมติดคุก !

หนุ่มตั้งใจจะโอนให้แม่ 15,000 บาท แต่กดเลขผิดไปตัวเดียว บัญชีปลายทางที่รับเงินโอนผิดไม่ยอมคืนเงิน อ้างไม่มีเงินเนื่องจากโดนธนาคารหักหนี้ไปแล้ว ส่วนตำรวจก็ไม่รับแจ้งความเพราะไม่มีหลักฐาน ผ่านมา 5 เดือนแล้วคดียังไม่คืบ

 

 

วันที่ 3 ก.พ. 66 คุณธรรมธิป ราชศิลา (โอ) ผู้ที่โอนเงินผิด ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ตนตั้งใจจะโอนเงินให้แม่จำนวน 15,000 บาท ผ่านพร้อมเพย์ แต่กดเลขผิดจากเลขลงท้าย 4 ตัวของเบอร์โทรศัพท์มือถือ 4972 เป็น 5972 แล้วไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อนโอนเงิน เงิน 15,000 บาท จึงถูกโอนไปให้ผู้รับอีกคนหนึ่งชื่อสุดารัตน์ แต่แม่ตนชื่อสาธิตา 

 

เมื่อเกิดเรื่องตนตัดสินใจตัดสินใจโทรไปหาเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ตนโอนผิดกว่า 50 ครั้ง แต่ปลายสายไม่รับ จากนั้นไปลงบันทึกประจำวัน แล้วตำรวจให้นำใบลงบันทึกไปอายัดบัญชี แต่ภายในวันนั้นทำไม่ทันเพราะธนาคารปิดไปแล้ว ระหว่างนี้ก็โทรหาบัญชีปลายทางตลอดแต่ก็ไม่รับสาย 

 

 

คุณสาธิตา คำอ่อน (จ๋า) แม่ของผู้ที่โอนเงินผิด เล่าต่อว่าเงิน 15,000 บาทนี้ เป็นเงินที่ใช้เป็นทุนสำหรับค้าขาย เมื่อโอนเงินผิดทำให้ไปมีเงินในส่วนนี้ จึงต้องไปกู้ยืมมาเพื่อแก้ปัญหา หลังจากที่แจ้งธนาคารแล้ว ธนาคารแจ้งว่าให้รอดำเนินการ 15 วัน แต่เมื่อครบ 15 วันแล้วธนาคารกลับแจ้งมาว่าให้ไปแจ้งความ เพราะธนาคารติดต่อเจ้าของบัญชีปลายทางไม่ได้ แต่เมื่อแจ้งความ ตำรวจกลับบอกว่า “จะมาแจ้งได้อย่างไร มันเป็นคดีอะไร ทำไมต้องแจ้งความ” ตำรวจขอตรวจสอบหลักฐานก่อน จึงจะรับแจ้งความ 

 

ส่วนการติดตามเงินคืน ทางครอบครัวได้นำเบอร์มือถือไปเพิ่มเพื่อนในไลน์ ทำให้สามารถติดต่อกับผู้ที่รับเงินโอนผิดบัญชีได้ ทางเจ้าของบัญชีปลายทางตอบกลับมาว่า ต้องให้ธนาคารโทรมาแจ้งจึงจะคืนเงิน เพราะไม่เชื่อว่าเป็นเงินของตนที่โอนผิดจริง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมา 5 เดือนแล้ว บัญชีปลายทางก็ยังไม่คืนเงินแม้แต่บาทเดียว

 

 

ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้แนะนำข้อกฎหมายว่าคดีนี้เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เพราะพฤติกรรมของบัญชีปลายทางเป็นการเจตนานำเงินของผู้อื่นที่โอนเงินผิดไปใช้ สามารถแจ้งความได้ ถ้าหากบัญชีปลายทางไม่คืนเงิน อาจจะเสียเงินในการสู้คดีมากกว่า 15,000 บาท จึงแนะนำว่าถ้ารับเงินโอนผิดบัญชีมาควรนำเงินไปคืน ดีกว่าที่จะต้องมาเสียเวลาและเสียเงินต่อสู้คดี

 

คุณสาธิตาเล่าต่อว่า หลังจากนั้นมีการโทรมาจากบัญชีปลายทางว่า ได้รับเงินโอนผิดมาจริง ขอผ่อนคืนตนเดือนละ 500 บาท เพราะได้กู้ยืมเงินมาจากธนาคาร เมื่อมีเงินโอนมาจึงโดนธนาคารหักเงินไปแล้ว ทำให้ไม่มีเงินมาคืน

 

 

คุณสุดารัตน์ เจ้าของบัญชีปลายทาง กล่าวว่าสาเหตุที่ไม่ยอมคืนเงิน เพราะตนไม่มีเงิน และไม่รู้ว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีที่ตนไม่ค่อยได้ใช้ ตนได้ติดต่อธนาคารหลังจากที่รู้ว่าจะมีหมายเรียกมาถึงตน ตอนนี้ตนต้องการผ่อนคืนเพราะไม่มีเงินจริง ๆ และไม่รู้จริง ๆ ว่ามีเงินเข้าบัญชีมา เนื่องจากไปกู้เงินธนาคารไว้แต่ไม่ได้จ่ายคืน แล้วเมื่อมีเงินเข้ามาจึงถูกธนาคารหักไปอัตโนมัติ 

 

 

พ.ต.ท.สุดจิต ศรีศิริ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวว่าทางตำรวจยังไม่มีการออกหมายเรียก จากที่ตรวจสอบในกรณีนี้ ผู้ที่โอนเงินผิดได้มาแจ้งตำรวจ แล้วนำเอกสารไปอายัดบัญชี ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นการยักยอกทรัพย์หรือไม่ และไม่ได้สื่อสารกับธนาคารหรือผู้เสียหายว่าได้ดำเนินการเสร็จสิ้นหรือไม่ ทางตำรวจจึงไม่ทราบความคืบหน้าของคดีนี้ จากนี้ผู้เสียหายสามารถมาแจ้งความให้ตำรวจออกหมายเรียกได้

 

ด้านคุณสุดารัตน์ยืนยันว่าตนไม่มีเงินมาคืนจริง ๆ จึงไม่ขอรับปากว่าจะหาเงินมาคืนได้ภายในกี่วัน ส่วนทางคุณสาธิตาถ้าหากไม่ได้เงินคืน ก็จะไปดำเนินการแจ้งความตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป