สถานศึกษายังคงเป็นพื้นที่ปลอดภัยหรือไม่ ? หลายคนตั้งคำถามในลักษณะนี้ เพราะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในพื้นที่สถานศึกษาบ่อยครั้ง อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี นักเรียนชายอายุ 16 ปี ถูกเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกันกว่า 20 คน รุมทำร้ายกลางโรงเรียน ซึ่งต้นเหตุมาจากความเข้าใจผิดว่า นักเรียนชายอายุ 16 ปีคนนี้ไปมองหน้าคู่กรณี โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียนสามารถจับภาพได้ทั้งหมด
กล้องวงจรปิดของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จับภาพเหตุการณ์นักเรียนกว่า 20 คน กำลังรุมทำร้ายนักเรียนชาย อายุ 16 ปี โดยมีการระบุข้อความว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ม.ค. เวลา 15.45 น. มีกลุ่มเด็ก ม.2 และ ม.3 ประมาณ 20 คน มารุมทำร้ายนักเรียนชาย อายุ 16 ปี ซึ่งน้องเพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ประมาณ 2 เดือน
โดยตอนเกิดเหตุมีเพื่อนของน้อง 3 คน วิ่งเข้าไปช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะนักเรียนกลุ่มที่มาทำร้ายเล็งแต่แค่น้องคนเดียว เหตุการณ์ทั้งหมดยาวนานกว่า 5 นาที ถึงจะมีคุณครูมาช่วย ตอนนั้นเลือดของน้องออกเยอะมาก ได้รับบาดเจ็บที่ปากและหลังศีรษะ แต่คุณครูไม่ได้ถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอเอาไว้เลย คุณครูให้ล้างเลือดและเช็ดทุกอย่างออกให้หมด และมีการเรียกแค่เข้าไปนั่งคุยเฉย ๆ โดยให้ผู้ปกครองมาไกล่เกลี่ยกัน
ส่วนอาการบาดเจ็บของน้องมีหลายแห่ง ที่เสื้อนักเรียนมีรอยเท้าอยู่เต็มเสื้อ มีเลือดออกที่หลังศีรษะ และโดนเข่ากระแทกเข้าหน้า ทำให้ฟันล่างของน้องเกือบจะหัก 2 ซี่ และฟันบนแตก และเป็นแผลใหญ่บวม รอยแผลเต็มตัว มีรอยช้ำเลือด เพราะมีคนเอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์กำไว้ที่มือและต่อยน้อง
จากนั้นคุณแม่ได้ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันเอาไว้ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ไม่พิมพ์สำนวนคดีให้ หรือทำอะไรทั้งสิ้น แถมไล่กลับบ้านด้วย
ทีมข่าวลงพื้นที่เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับ คุณแม่และน้องที่ถูกรุมทำร้าย โดยน้องเล่าว่า วันเกิดเหตุเป็นวันกีฬาสีโรงเรียน ระหว่างนั้นตนได้เดินไปหาเพื่อน แต่เพราะว่าตนสายตาไม่ดี ทำให้หาเพื่อนไม่เจอ และได้เดินกลับ แต่จู่ ๆ คู่กรณี 5 คน ได้เดินมาหาตน และถามตนว่า “มีอาการเหรอ เห็นมองหน้า” ตนบอกว่า “ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้มองหน้าเลย”
แต่คู่กรณีตอบสวนกลับมาว่า “ไม่ได้มอง … มึงดิ” ตนจึงรู้สึกว่า ทำไมต้องมาด่าแม่ตน และคู่กรณียังได้ท้าต่อยที่ห้องน้ำ แต่ตนเป็นเด็กใหม่กลัวโดนรุม จึงไม่ยอมไป กลุ่มคู่กรณีจึงเดินกลับไป ตนจึงเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกรู้จักจะพาไปคุยด้วย แต่คู่กรณีกลับไม่ยอมคุย แถมยังตะโกนด่าอีก ตนจึงเลือกที่จะเดินออกไปตรงอื่น แต่คู่กรณีก็ยกพวกมาประมาณ 20 คน มายืนล้อมตนและบอกว่า “มีอะไรกับเพื่อน … จะเอากับ … เปล่า”
จากนั้น มีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณี ได้เดินมาล็อกคอตน ทำให้สะบัดออก จากนั้นกลุ่มคู่กรณีก็เปิดฉากรุมทำร้ายทันที ตนพยายามหนีออกมา แต่ก็มีอีกกลุ่มเข้ามารุมทำร้ายซ้ำอีก แม้เพื่อน ๆ ของตนจะมาช่วย แต่ก็ช่วยไม่ไหวเพราะคู่กรณีมากันเยอะมาก สุดท้ายโดนรุมจนลงไปนอกกองกับพื้น
แค่นั้นไม่พอ คู่กรณีได้เตะเข้าไปที่บริเวณปาก ทำให้ฟันโยกและปากแตก สักพักคุณครูจึงเข้ามาห้าม พาไปห้องพยาบาลเช็ดเลือดและพาไปฝ่ายปกครอง
หลังจากนั้นครูฝ่ายปกครองได้ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นและก็แยกย้ายกันกลับบ้าน บอกให้รอผู้ปกครองมาพรุ่งนี้ โดยกลุ่มคู่กรณีที่ทำร้ายตนมีทั้ง ม.2 และ ม.3 เกือบ 20 คน ตนได้รับบาดเจ็บที่ปาก ฟันโยก ท้ายทอยก็มีแผล ตนโดนกลุ่มคู่กรณีกระทืบทั้งตัว ตกเย็นแม่พาตนไปแจ้งความและพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พอไปถึงสถานีตำรวจก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้
อีกวันมาโรงเรียนก็ได้มีการพูดคุยกับครู และครอบครัวของคู่กรณี ได้มีการสอบถามถึงค่าเสียหาย แม่ตนเลยเรียกไป 50,000 บาท ทางพ่อของคู่กรณีบอกว่างั้นให้ลูกเขาไปอยู่ในคุกสักพักดีกว่า พูดเชิงว่าตัวพ่อของคู่กรณีก็โตมาในคุก พวกในปากเกร็ดก็มี คุยแบบข่ม ๆ ตน
หลังจากนั้นเลยพากันไปที่โรงพัก พอคู่กรณีเจอตำรวจก็ทักทายแบบคนรู้จักกัน และบอกตำรวจว่าได้มีเรื่องยกพวกตีกัน แต่จริง ๆ คือคู่กรณียอมรับว่ารุมกระทืบตนตอนอยู่ในห้องปกครองที่โรงเรียนแล้ว ตนไปโรงพักเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายรูปบาดแผลตนและคู่กรณี แต่คู่กรณีพูดเยาะเย้ยทำนองว่า “มีแต่หมัดที่เปื้อนเลือดเท่านั้นที่ไปต่อยปากเขา”
หลังจากนั้นตนกลับไปเอากล้องวงจรปิดกับแม่ที่โรงเรียน เจอคู่กรณีกลับมาที่โรงเรียนกับพ่อเขา และพูดว่า “เดี๋ยวโดนอีก ๆ” ซึ่งเขากลับมาโรงเรียนโดยไม่รอตนกับแม่เพื่อที่โรงพัก ตนได้กล้องวงจรปิดแล้วจึงกลับมาหาตำรวจเขาบอกว่าทำไมมาวันนี้ ทำไมไม่มาวันอื่น พูดบ่ายเบี่ยง บอกกับแม่และตนว่า “ทำงานตั้งแต่ 8 โมง บ่ายโมงแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลย ยังไม่ได้พักเดี๋ยวไปเรือนจำอีก” พูดเหมือนไม่อยากรับคดี ซึ่งแม่ตนและตนเป็นฝ่ายผู้เสียหายจึงได้บอกให้ตำรวจช่วยดูให้ แต่ก็ทำแบบส่ง ๆ ไม่ได้เต็มใจ
ด้านคุณแม่ของน้อง บอกว่า พอทราบเรื่องทั้งหมด ได้พาลูกไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อหวังจะไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี เพราะเป็นเด็กทั้งคู่ จึงไม่อยากให้มีเรื่องกันอีก จากนั้นได้มาคุยกับผู้ปกครองเด็กที่เป็นคู่กรณี ซึ่งสิ่งที่ตนได้รับฟังตอนแรกเหมือนจะดี แต่พอฟังไปฟังมา หัวอกคนเป็นแม่ก็รับไม่ได้ เพราะเด็กคู่กรณีเล่าว่า การรุมทำร้ายลูกตนมีแบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งตนรับไม่ได้ นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสงสัยและรู้สึกว่า ลูกตนต้องไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะได้ยินประโยคหนึ่งที่ผู้ปกครองของคู่กรณีพูดว่า “กูช่วยมึงแล้วนะ”
คุณแม่ของน้องยังเล่าอีกว่า ผู้ปกครองของคู่กรณีได้ถามว่า จะเรียกค่าเสียหายเท่าใด ตนจึงเรียกไปประมาณ 5 หมื่นบาท ซึ่งคู่กรณีที่เห็นชัดเจนมีอยู่ 5 คน ก็ตกเฉลี่ยครอบครัวละ 1 หมื่นบาท ซึ่งคู่กรณีคนอื่นที่เห็นไม่ชัดและไม่ยอมรับ ตนก็ไม่ได้เรียกค่าเสียหาย
จากนั้นก็มีคุณพ่อของเด็กคู่กรณีบอกว่า ยอมให้ลูกติดศูนย์เยาวชนดีกว่า ยอมให้ลูกติดคุกไปเลย เพราะเขาก็โตมาจากในคุก เขาไม่สนใจหรอก เดี๋ยวส่งข้าวส่งน้ำให้นะลูก
หลังจากนั้นได้ไปที่โรงพัก ก็พบว่า มีคู่กรณีทั้ง 2 ครอบครัวรออยู่ด้านนอก สักพักร้อยเวรก็มา มีการทักทายกับครอบครัวคู่กรณีแบบสนิทสนม แต่ตนคือผู้เสียหายมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกแทนที่จะสอบถามตนก่อน แต่กลับไปสอบถามเรื่องราวกับครอบครัวของคู่กรณี ซึ่งฝ่ายคู่กรณีได้พูดว่า เป็นเรื่องธรรมดา แค่นัดตีกัน ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงและไม่เหมือนที่พูดกับคุณครูที่ห้องปกครอง ที่ยอมรับว่าลูกของเขากระทำลูกของตนจริง ๆ แต่พอมาถึงโรงพักกลับพูดอีกอย่าง
จากนั้นตนได้ไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงเรียน พอเห็นภาพก็คือว่า ลูกเรารอดมาได้ยังไง และพอได้ภาพกล้องวงจรปิด ได้กลับมาที่โรงพัก แต่คู่กรณีไม่รอไกล่เกลี่ยกับตน พอตนโทรเข้าเบอร์ร้อยเวรก็ไม่รับสาย แถมบอกอีกว่า “ยังไม่รู้เลย งานยุ่งมาก มาทำอะไรตอนนี้ เขามาโรงพักตั้งแต่ 8 โมงเช้า บ่ายโมงแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลย ยังไม่ได้ออกจากโรงพักเลย”
พอได้ยินแบบนี้ หัวอกคนเป็นแม่ก็นอนไม่หลับ ห่วงว่าจะทำยังไงดี เราต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่ ๆ เพราะครอบครัวคู่กรณีรู้จักกับตำรวจ
ตำรวจแจงปมกล่าวหา “ไม่รับแจ้งความ”
ด้าน พ.ต.อ. พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า ต้องขอโทษผู้เสียหาย เนื่องจากพนักงานสอบสวนที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ได้ออกเวรตอน 08.00 น. และต้องไปสอบผู้ต้องหาในเรือนจำ จึงจำเป็นที่ต้องนัดภายในวันหลัง และเนื่องจากคู่กรณีเป็นเด็กต้องสอบผ่านสหวิชาชีพ จึงได้ปฏิเสธที่จะสอบปากคำ ไม่ใช่ตำรวจไม่ทำคดีให้
พ.ต.อ. พฤฒ บอกอีกว่า วันนี้ได้นัดสอบปากคำผู้ปกครองเมื่อเวลา 09.00 น. แต่ผู้เสียหายยังไม่มา ตนประสานไปแล้วคุณแม่ก็ไม่มา เรื่องทั้งหมดเป็นการทะเลาะวิวาทกันต้องดูว่ามันเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาทกันหรือไม่ ถ้าใช่จะดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถ้าทำร้ายร่างกายก็จะดำเนินคดีกับฝ่ายที่ทำร้าย แต่ไม่ถึง 20 คน น่าจะประมาณ 3-4 คน ตามที่ฝ่ายสืบสวนหากล้องวงจรปิดมา ซึ่งบาดแผลเล็กน้อยมากเป็นฟกช้ำธรรมดา
ทางผู้ปกครองได้มีการไกล่เกลี่ยกันก่อนแล้วแต่ไม่ลงตัว อีกฝ่ายก็มาแจ้งความไม่ใช่แค่ฝ่ายที่เป็นข่าว ในวันที่จัดงานกีฬาสีก็มีตำรวจอยู่ในโรงเรียน แต่ยังมีการแอบทะเลาะวิวาทกัน ตนได้ข้อมูลมาว่า มีการนัดต่อยกันแบบลูกผู้ชาย แต่ปรากฏว่าหลังจากเกิดเหตุผู้ปกครองไกล่เกลี่ยกันไม่ลงตัว จึงมาแจ้งความดังกล่าว
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35