สมศักดิ์ หนุน อนุทิน ออกประกาศกระทรวง สธ. มียาบ้า 2 เม็ด เป็นผู้ค้า

เช้านี้ที่หมอชิต - การแก้ปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของสังคมไทยในขณะนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นอีกหนึ่งคนที่ดูเหมือนจะสนับสนุนมาตรการยาแรง ในการออกประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข ให้การครอบครองยาบ้า 1 เม็ดขึ้นไป ถือเป็นผู้ค้าไม่ใช่ผู้ป่วยอีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เปิดประเด็นมาโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

 

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า อาจเป็นเพราะเรื่องการบำบัดรักษา เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีคงเห็นว่า แพทย์และพยาบาลหรือบุคลากรสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ถ้าจะต้องมาเจอกับคนที่ติดยาบ้าแล้วมีอาการหลอนเป็นจำนวนมาก ก็อาจเป็นอันตรายต่อบุคลากร จึงคิดว่าควรจะเอาคนที่เสพยาบ้าส่งเข้าห้องขังไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร จากสิ่งเหล่านี้คิดว่าคงทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตัดสินใจอย่างนั้น สำหรับประกาศกฎกระทรวงในเรื่องนี้ ถ้ามีการประกาศออกมา จะมีผลทำให้ผู้ที่มียาบ้าในครอบครองเกิน 1 เม็ด ถูกตำรวจสั่งขังได้ทันที 48 ชั่วโมง จากนั้นจะถูกนำตัวไปขึ้นศาล ซึ่งจะมีการแจ้งข้อหาเป็นผู้ค้าไม่ใช่ผู้เสพ โทษก็จะหนักกว่า แต่ก็มีคำถามต่อว่า ท้ายที่สุดแล้วปัญหาก็จะวนกลับมาที่ปัญหานักโทษล้นเรือนจำอยู่ดีใช่หรือไม่

 

สำหรับสถิติผู้ต้องขังคดียาเสพติด ข้อมูล วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ประเทศไทยมีนักโทษคดียาเสพติดสูงถึงประมาณ 187,000 คน คิดเป็นร้อยละ 66 ของผู้ต้องขังเด็ดขาด แต่หากนับผู้ต้องขังที่ถูกฝากขังระหว่างการสืบสวนสอบสวนหรือสู้คดีในชั้นศาล จะมีผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดจำนวนมากถึง 230,000 คน คิดเป็นร้อยละ 81

 

แต่สิ่งที่สวนทาง ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมน่าจะรู้ตัวเลขดี คือในขณะที่มีผู้ต้องขังคดียาเสพติดปีละเกือบ 200,000 คน ในราชทัณฑ์ หรือแทบล้นคุกนั้น ศักยภาพการฟื้นฟูบำบัดของเรือนจำรองรับได้แค่หลักหมื่น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ให้การบำบัดภายในเรือนจำก็มีเพียงหลักสิบเท่านั้น

 

ดังนั้น คำถามที่เราอยากทิ้งเอาไว้ก็คือ อยู่ข้างนอกก็บอกว่าบำบัดฟื้นฟูไม่ได้ ให้เอาไปไว้ข้างในก่อน พอนำไปไว้เรือนจำก็ไม่สามารถฟื้นฟูบำบัดให้เขากลับคืนสู่สังคมได้อีก สะสมไว้จนคนล้นคุก ก็หันมาพูดเรื่องกำไลอีเอ็มติดตามตัวเพื่อระบายคนออกจากคุกกันใหม่ หากเป็นแบบนี้ การแก้ปัญหายาเสพติดและผลกระทบทางสังคมที่สืบเนื่องตามมาคงเป็นเรื่องที่ต้องพูดกันอีกยาว หรืออาจต้องประกาศทำสงครามยาเสพติดกันทุกครั้งที่ใกล้มีการเลือกตั้ง