เช้านี้ที่หมอชิต - เกิดเหตุสลด เด็กวัย 13 ปี ผูกคอตายในห้องน้ำในช่วงเวลาเที่ยงคืน เปิดแชทก่อนฆ่าตัวตาย บอกกับเพื่อนว่า สิ้นหวัง เบื่อ ท้อ ขอตายตอนเที่ยงคืน
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางพลีน้อย จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุเด็กหญิงรายหนึ่งผูกคอตนเองเสียชีวิตภายในบ้านหลังหนึ่ง ท้องที่ตำบลคลองนิยมยาตรา อำเภอบางบ่อ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับมูลนิธิปอเต็กตึ้ง และแพทย์เวรโรงพยาบาลบางบ่อ
จุดเกิดเหตุบริเวณห้องน้ำหลังบ้าน พบเชือกสีขาวผูกอยู่กับขื่อห้องน้ำ และมีเก้าอี้วางตั้งอยู่ ส่วนผู้เสียชีวิตทางญาติได้นำตัวลงมาไว้ในห้องนอน สภาพศพที่ลำคอมีร่องรอยของเชือก ตรงข้อมือซ้ายมีรอยกรีดจากของมีคม เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิต ส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร
จากการสอบสวนทราบชื่อ เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยผู้เป็นน้าสาวเปิดเผยว่า หลานสาวเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง และชอบติดมือถือ แต่ไม่เคยระบายเรื่องอื่นให้ฟัง และเป็นเด็กที่เรียนเก่ง เลยไม่เข้าใจว่าหลานเครียดเรื่องอะไร
ปู่ของผู้เสียชีวิตให้การว่าเมื่อเช้าตนตื่นมา 04.00 น. กว่า จึงมาดูว่าหลานสาวตื่นหรือยัง เห็นไฟห้องน้ำเปิดอยู่ ก็เข้าใจว่าตื่นแล้ว จึงเดินไปทำอย่างอื่น พอเดินกลับมาก็เห็นว่าหลานยังไม่ออกจากห้องน้ำ เรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงพังประตูเข้าไปก็พบว่าหลานเสียชีวิตแล้ว จึงช่วยกันนำร่างลงมาที่พื้น
ย้อนกลับไปก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะคิดฆ่าตัวตาย ได้ทักแช็ตไลน์ไปหาเพื่อนสนิท วันจันทร์ ที่ 30 มกราคม เวลา 21.45 น. เนื้อหาข้อความเป็นบทสนทนาที่เต็มไปด้วยอาการของคนที่สิ้นหวัง เช่นถามเพื่อนว่า ถ้ากูตายไปมึงจะอยู่ได้ปะ เพื่อนตอบ กูไม่ตลกนะ มึงถ้ากูอยากตายจริงๆ อะ กูไม่อยากอยู่แล้ว เบื่อ พอเพื่อนถามว่า ทำไม เรื่องอะไร ผู้ตายก็ตอบเพียงว่า ไม่รู้ มันแบบไง ๆ ไม่รู้ ท้อแท้มากเลย เพื่อนก็ตอบว่า กูก็ท้อแต่กูสู้ไม่ถอยไง ผู้เสียชีวิตก็ตอบกลับว่า กูรู้ แต่กูทนนานแล้ว มันเกินพอ กูอยากตายแล้ว มันหลายเรื่อง
หรือบางข้อความเจ้าตัวบอกเพื่อนว่า มันน่าเบื่อ เกลียดตัวเอง ไม่รู้ตอนเย็นกลับมากูก็ร้องไห้ แล้วแบบสิ้นหวังไปเอง พอเพื่อนถามว่า ทำไมถึงร้องไห้ ผู้ตายก็ตอบเพียงว่า ไม่รู้ เป็นมาสักพัก เพื่อนก็ถามว่า คำว่าสิ้นหวังคืออะไร ผู้ตายก็ตอบเพียงว่า “ไม่มีเหตุผล มันแบบเหนื่อย ท้อ หมดไฟ มันจุก ๆ หน่วง ๆ
และอีกประเด็นหลังจากเพื่อนบอกว่า ตายไปแล้วทุกอย่างมันจบหรอ ผู้ตายก็ตอบเพื่อนว่า กูถามแค่นี้นะมึง มึงไม่รู้หรอก ว่ากูเป็นไงอะ อย่างที่บอกไป กูไม่อยากคุยกับแม่ เพราะแม่กูก็พูดแบบมึง แล้วรู้สึกโดดเดียวมาก บทสนทนาสุดท้าย ของผู้ตายตอบกลับเพื่อนเพียงว่า… ไปละเมิง
บทสนทนากับเพื่อนของเด็กหญิงวัย 13 ปี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า เด็กหญิงมีอาการซึมเศร้า แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงเก็บพยานหลักฐาน และชันสูตรหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
จากกรณีการฆ่าตัวตายของเด็กหญิงอายุ 13 ปี ทำให้ในปีนี้มีสถิติเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ฆ่าตัวตายไปแล้วหลายราย ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า
จากสถิติ การฆ่าตัวตายในวัยรุ่น ในปี พ.ศ. 2564 มีอัตราการฆ่าตัวตายของวัยรุ่น อายุ 15 - 19 ปี อยู่ที่ 3.2 ต่อประชากร 100,000 คน
ในปี 2561 มีการศึกษาความความชุกของภาวะซึมเศร้าและความเสี่ยงฆ่าตัวตายในวัยรุ่นอายุ 10 - 19 ปี จำนวน 5,345 คน พบว่าร้อยละ 22.5 เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย มีภาวะซึมเศร้า มากเป็น 9.8 เท่า ของวัยรุ่นที่ไม่มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย
สาเหตุหลักการฆ่าตัวตายส่วนใหญ่ มีภาวะซึมเศร้า การช่วยกันป้องกันการฆ่าตัวตาย จะทำได้อย่างไร เริ่มจากการสังเกตุ
คนที่กำลังคิดฆ่าตัวตายนั้น บางทีแสดงออกเป็นพฤติกรรมให้รู้ได้ เช่น บางคนเปรย ๆ ให้คนใกล้ชิดฟัง เช่น รู้สึกเบื่อจัง ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม บางคนพูดเป็นเชิงฝากฝัง สั่งเสีย เช่น ฝากดูแลลูกด้วยนะ บางคนดำเนินการบางอย่าง เช่น ทำพินัยกรรม โอนทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน
เราทุกคนมีส่วนร่วมในการป้องกันการฆ่าตัวตายได้ด้วยการสนใจ ใส่ใจ สังเกตตนเอง เพื่อน ๆ และคนใกล้ชิดว่ามีอาการของโรคซึมเศร้าหรือไม่ ถ้ามีให้ถามว่ามีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือไม่ ถ้าตนเองเกิดโรคซึมเศร้า หรือพบเจอกับบุคคลใกล้ตัวที่มีอาการบ่งบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า ต้องแนะนำให้พบกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเร็วที่สุด
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35