โป๊ะแตก ! ‘อดีตจ่า’ อ้างเป็นแพะ ติดคุกฟรี 8 ปี สุดอึ้ง เหยื่อสารภาพ “แม่บังคับให้หนูใส่ร้าย”

อดีตทหารเรือ อ้างเป็นแพะคดีกระทำชำเราเยาวชน ติดคุกฟรี 8 ปี พร้อมเผยหลักฐานเหยื่อสารภาพว่าแม่สั่งให้ใส่ร้าย แต่เหยื่อโต้กลับ ไม่เคยสารภาพ ถูกบังคับให้เซ็นเอกสาร ยืนยันถูกกระทำชำเราจริง สุดท้ายคดีพลิก !

 

วันที่ 1 ก.พ. 66 คุณเทียน บุญยิ่ง อดีตทหารเรือที่อ้างว่าเป็นแพะรับบาป ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า เมื่อปี 2547 ตนรู้จักกับตาของผู้เสียหายก่อน เพราะจ้างมาสร้างโรงรถในค่ายทหาร ขณะที่มาทำงานได้พาลูกสาวมาด้วยคือนางสมบัติแม่ของผู้เสียหาย ในขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านหลังจากไปส่งคนงาน พ่อของนางสมบัติได้คุยกับตนสักพักก่อนที่จะกลับเข้าบ้าน แต่ตัวนางสมบัติได้แอบติดรถของตนกลับมาด้วย และขอนอนอยู่ที่บ้านของตน สุดท้ายก็ได้อยู่กินด้วยกัน

 

 

หลังจากที่คบกันมา 5-6 เดือน ตนเห็นนางสมบัติเสพยาจึงไม่พอใจและเกิดทะเลาะกันทำลายข้าวของ มาด่าทอถึงที่ทำงาน สุดท้ายถูกนางสมบัติแจ้งความว่าตนไปข่มขืนลูกของนางสมบัติ โดยตนให้การยืนยันกับตำรวจว่าไม่เคยเจอเด็กคนนี้ แต่ถูกศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาตัดสินจำคุก 24 ปี จึงประกันตัวออกมาสู้คดี เสียเงินไปหลายแสนบาท แต่สุดท้ายก็ต้องติดคุกกว่า 8 ปี

 

แต่ใน ปี 2558 คุณเอ ผู้เสียหายได้มายื่นหนังสือให้กับนายของตนว่า คำให้การเป็นในคดีเป็นคำให้การเท็จ ความจริงแล้วไม่ได้ถูกกระทำชำเรา แต่ถูกแม่บังคับให้อ้างว่าถูกจ่าเอกเทียนกระทำชำเรา พร้อมลงลายเซ็นของผู้เสียหาย นอกจากนี้ผู้เสียหายได้เคยมาหาตนเมื่อปี 2547 เพื่อบอกว่าถูกแม่บังคับให้กล่าวหาตน ตอนนี้ตนต้องการความยุติธรรมให้ตัวเอง เพราะเสียโอกาสในชีวิตไปมากมาย เสียเงินที่ต้องใช้สู้คดีจนหมดตัว และเป็นหนี้สิน

 

 

ด้านคุณเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่าคุณเทียนเคยเจอกับตนขณะที่เดินทางกับแม่ไปหาคุณเทียน เหตุการณ์ที่ตนถูกกระทำชำเรายืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ตนจึงไปบอกแม่ว่าถูกกระทำชำเรา และพาไปแจ้งความ ส่วนจดหมายสารภาพว่าตนให้การเท็จ ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนเขียน เพราะตนถูกเรียกให้ไปเซ็นชื่อลงบนเอกสารที่ฐานทัพของเจ้านายคุณเทียน โดยไม่รู้ว่าเนื้อหาภายในคืออะไรและไม่ยอมให้อ่าน พร้อมยืนยันว่ารายละเอียดในเอกสารไม่เป็นความจริง

 

ส่วนเรื่องที่เคยไปหาคุณเทียนพร้อมแฟนและป้าเมื่อปี 2547 เพื่อสารภาพว่าให้การเท็จ ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แฟนและป้าของตนไม่รู้จักกับคุณเทียน และไม่เคยพบกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนที่คุณเทียนอยู่ในคุกตนไม่เคยไปเยี่ยม ไม่เคยเขียนจดหมายสารภาพส่งให้

 

แต่คุณเทียนยืนยันว่าคุณเอเคยมาสารภาพกับตนจริงเมื่อปี 2547 พร้อมบอกว่าแม่สอนให้ทำ และตอนที่มาพบกันมีพยานยืนยันคือนายของตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน อ้างว่าคุณเอมีแฟนมีลูกแล้ว แต่คุณเอแย้งกลับว่าตอนนั้นตนอายุเพียง 13 ปี ยังไม่มีแฟนและลูก

 

 

คุณเอ ผู้เสียหาย เล่าต่อว่า 3-4 วันก่อนที่คุณเทียนจะเข้าไปร้องกับสายไหมต้องรอด ตนได้รับโทรศัพท์จากคุณเทียนให้ตนมาช่วยพูดแก้ต่างให้คุณเทียน เพื่อที่จะนำเงิน 2 ล้านบาทออกมา ส่วนคุณเทียนยอมรับว่าโทรไปหาจริง เพราะตนได้รับหนังสือสารภาพ จึงต้องการให้คุณเอมาเป็นพยานให้ แต่คุณเอยืนยันว่าไม่เคยสารภาพว่าให้การเท็จหรือรับปากว่าจะมาเป็นพยานให้คุณเทียน 

 

ส่วนเรื่องเงิน 2 ล้านบาท คุณเทียนชี้แจงว่าเป็นเงินเดือนของตนที่ไม่ได้รับในขณะที่อยู่ในคุก ถ้าหากพ้นความผิดก็จะได้รับเงินจำนวนนี้คืน และอ้างว่าคุณเอเรียกค่าตัวเพื่อให้ไปเป็นพยาน 2,000 บาท แต่คุณเอยืนยันว่าตนไม่เคยพูด บอกเพียงแค่ตอนนี้ไม่ว่างทำงานอยู่ และหลังจากนั้นคุณเทียนก็โทรมาตลอดแต่ตนไม่รับสาย

 

คุณเทียนได้ถามคุณเอว่า ในช่วงที่ถูกกระทำชำเราเมื่อวันที่เท่าไหร่ เวลาเท่าไหร่ ที่ไหน และนั่งรถยี่ห้ออะไร คุณเอตอบเพียงว่ารู้ว่านั่งรถกระบะสีขาวแต่จำยี่ห้อไม่ได้เพราะตอนนั้นตนอายุเพียง 13 ปี ยังเด็กอยู่ 

 

 

ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ชี้แจงในมุมกฎหมายว่า เอาสารคำรับสารภาพไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของศาล เป็นสิ่งที่เพิ่งทำขึ้นมาเพื่อขอรื้อฟื้นพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งสามารถเอาไปใช้รื้อฟื้นได้แต่เป็นไปได้ยาก ส่วนรายละเอียดในเอกสารทนายสงกาญ์ยืนยันว่า จากภาษาการเขียนเป็นการร่างโดยนักกฎหมายอย่างแน่นอน 

 

คุณเทียนยืนยันว่าตนไม่รู้เรื่องว่าใครเป็นคนทำเรื่องจดหมายสารภาพ รู้แต่เพียงว่ามีคนเอามาให้เพื่อใช้รื้อฟื้นคดี ทนายสงกาญ์กล่าวต่อว่า ผู้บัญชาการทหารเรือสามารถตั้งกรรมการสอบได้ว่าจดหมายนี่มีที่มาที่ไปอย่างไร และเอาผิดกับคนที่รับเรื่องได้เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม และผู้เสียหายก็สามารถฟ้องกลับได้เช่นกัน พร้อมแนะนำว่าคุณเทียนไม่ควรจะเดินเรื่องต่อ เพราะยังไงศาลก็ไม่เชื่อหลักฐานนี้แน่นอน

 

สุดท้ายคุณเทียนสารภาพว่ามีนักกฎหมายขอให้ตนมาเรียกร้องกับถกไม่เถียงและสายไหมต้องรอด เพื่อที่จะนำเงิน 2 ล้านที่ถูกยึดไปคืนมา พร้อมขอโทษคุณเอ ผู้เสียหาย ที่ออกมาร้องสื่อในครั้งนี้