logo ONE Lumpinee

ชาตรี ศิษย์ยอดธง | ONE ลุมพินี Heroes | 29 ม.ค. 66 | Ch7HD

ONE Lumpinee : เจาะลึกเบื้องหลัง “บิ๊กบอส” ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ONE Championship ผู้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่วงการมวยไทยอีกค ONE ลุมพินี,ONE Lumpinee,ONE,ONE Fight Night,มวย,มวยไทย,MMA,ช่อง7HD,กด35,เทโรเอ็นเทอร์เทนเม้นท์,ONE Championship,ค่ายมวย,สนามมวยลุมพินี,นวมเล็ก,มวยวัน,วัน ลุมพินี,มวยวัน ลุมพินี,มวยช่อง7,มวยไทย 7 สี,mma thailand,มวยสด,มวยเทโร,มวยลุมพินี,lumpini boxing,one ลุมพินี,มวยล่าสุด,ดูมวย,ONELumpinee,มวยone,วัน แชมเปียนชิพ,ONE Champioship thailand,เทโรเอ็นเทอร์เทนม้นท์,MMA THAILAND,มวยวันศุกร์,LUMPINee BOXING,LUMPINee BOXING STADIUM,ดูมวยย้อนหลัง

935 ครั้ง
|
29 ม.ค. 2566
เจาะลึกเบื้องหลัง “บิ๊กบอส” ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ONE Championship ผู้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่วงการมวยไทยอีกครั้ง กับการจัดศึก “ONE ลุมพินี” ด้วยความตั้งใจที่จะให้เป็นสังเวียนที่เรียกศรัทธาจากแฟนมวยชาวไทยกลับคืนมาอีกครั้ง และเพื่อทำให้มวยไทยกลับมาอยู่ในกระแสความสนใจของผู้คนในประเทศ
 
“บิ๊กบอส” ชาตรี เปิดเผยว่า “สมัยที่ผมเป็นเด็ก ผมเป็นพวกหัวรั้น ผมถูกเรียกเข้าห้องปกครองนับไม่ถ้วน ผมถูกพักการเรียนโทษฐานทะเลาะวิวาท ถูกกักบริเวณ เกรดของผมอยู่ระดับล่าง ๆ เกือบตลอดช่วงการเรียน
 
“ตอนผมอายุราว ๆ 8-9 ขวบ พ่อผมพาไปสนามมวยลุมพินี ซึ่งถือเป็นเมกะของมวยไทย ผมจำได้แม่น ผมเดินเข้าไป เห็นแฟนมวยหลายพันคน เสียงเชียร์ดังลั่น บรรยากาศเร้าใจ ผมดูนักมวยบนเวที ท่วงท่าสง่างามและทรงพลัง ผมตื่นตาตื่นใจมาก และตอนนั้นเอง มีอะไรบางอย่างจุดประกายขึ้นมา ผมตกหลุมรักมวยไทยอย่างจัง ผมอยากฝึกมวยไทยขึ้นมาทันที พอกลับถึงบ้าน ผมไปบอกแม่ แม่ของผมเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่หัวโบราณเอามาก ๆ แม่บอกว่า ‘ไม่มีทาง’
 
“แต่จนแล้วจนรอด ตอนที่ผมอายุประมาณ 13 ปี พ่อพาผมไปที่ ค่ายมวยศิษย์ยอดธง ซึ่งขณะนั้นเป็นค่ายมวยอันดับหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไทย ผมที่ยังเด็ก พอมองดูก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ น่ากลัว โชคดีที่มีครูฝึกอาวุโสชื่อ ‘พี่ตุ๊’ ซึ่งทุกวันนี้รู้จักกันในชื่อ ‘ปะป๊าดาวรุ่ง’ เขาเข้ามาหาผมแล้วบอกว่า ‘เฮ้ย ไอ้หนู มานี่ ไอ้หนู มานี่’ แล้วเขาก็กลายเป็นเหมือนพี่ชายของผม เข้ามาดูแล และสอนมวยไทยให้ผม ภายใต้การสอนของครูใหญ่ ‘ครูยอดธง เสนานันนท์’
 
“ผมจำวันแรกที่ศิษย์ยอดธงได้ กระสอบอัดทรายจนแน่นเอี้ยด เพราะว่าครูใหญ่ของเรา ‘ครูยอดธง เสนานันนท์’ เชื่อว่ามันจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้หน้าแข้ง ดังนั้นทุกครั้งที่ผมเตะกระสอบ หน้าแข้งและเท้าผมร้าวไปหมด ผมเคยคิดกับตัวเองว่า ผมทำไม่ไหวแล้ว ผมอยากเลิก มันเป็นการฝึกที่โหดที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในชีวิต แต่ที่เหลือเชื่อคือหลังซ้อมเสร็จ ผมกลับมีชีวิตชีวาอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน เมื่อผมมองย้อนกลับไปวัยเด็ก ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษจริง ๆ
 
“ผมมีช่วงวัยเด็กที่มีความสุข มีครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยความรัก เราเป็นครอบครัวที่มีฐานะดี ก่อนเกิดวิกฤติการเงินในเอเชีย ธุรกิจของพ่อผมเริ่มมีปัญหา ผมจำได้แม่นเลยว่า ตอนนั้นเราไม่มีเงินเหลือเลย แล้วพ่อแม่ผมก็ทะเลาะกันบ่อยมาก แล้วก็เกิดวิกฤติการเงินในเอเชียขึ้น พ่อของผมสูญเสียทุกอย่าง ทั้งบ้าน ทั้งรถ และเพียงชั่วข้ามคืน เราไม่เหลืออะไรเลย แล้วพ่อก็ทิ้งพวกเราไป
 
“พอเห็นแม่ร้องไห้ อย่างสิ้นหวัง ไม่รู้ว่า จะมีชีวิตรอดต่อไปยังไง เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือนานแค่ไหน พวกเราไม่มีอะไรเลย เห็นอย่างนั้นแล้วผมสะเทือนใจ แต่มันก็จุดไฟในตัวผมให้ลุกขึ้นสู้ จำได้ว่าตอนนั้น ผมบอกตัวเองว่า ผมไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้อีกแล้ว
 
“แม่วางแผนว่า ผมควรไปอเมริกา ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แล้วหางานดี ๆ ทำ ตอนที่ผมได้รับจดหมายตอบรับเข้าเรียน ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องฟลุก คงมีอะไรผิดพลาด ผมถามแม่ว่า ‘เราจะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเรียน’ แม่บอกว่า ‘ชาตรี แม่เชื่อมั่นในตัวลูก เมื่อลูกไปถึง ลูกจะหาหนทางได้เอง’
 
“ผมจำอาทิตย์แรกของผมเมื่อถึงฮาร์วาร์ดได้ดี ผมมีกระเป๋าแค่ใบเดียว ใส่ทุกอย่างที่มีในชีวิต ในหัวก็คิดอยู่แค่เรื่องเดียว ‘จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเรียน ?’ ต้องกู้เงิน ต้องหางานทำ ผมรับจ็อบสอนมวยไทย ผมทำตารางขึ้นมา และคำนวณพบว่า ผมสามารถใช้เงินได้แค่วันละ 4 ดอลลาร์ ผมจึงวางแผนใช้งานทุกบาททุกสตางค์ ทุกบาททุกสตางค์จริง ๆ หากผมใช้เงินได้น้อยกว่า 4 ดอลลาร์ เช่น 3.57 ดอลลาร์ ผมจะดีใจมาก ดังนั้นตัวเลข 4 ดอลลาร์ จึงฝังอยู่ในหัวผมตลอด
 
“ปีที่สองของผมในฮาร์วาร์ด ผมกับแม่คุยกัน มันมาถึงจุดที่แม่ไม่มีที่จะอยู่ แม่มาอยู่กับผมในหอพัก ผมนอนบนพื้น แม่นอนเตียง มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่พอมองย้อนกลับไป มันเป็นอะไรที่บ้ามาก แต่ตอนนั้นมันน่ากลัวนะ เพราะว่าผมไม่อยากโดนไล่ออก หรือเกิดปัญหาอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนั้น แม่ผมไม่มีที่ไปแล้ว
 
“การข้ามผ่านความยากลำบากต่าง ๆ มันสอนให้ผมเป็นคนสู้ชีวิต การต่อสู้ในสังเวียนก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่คือการสู้ชีวิต นี่คือเหตุผลว่าทำไม ผมถึงรู้สึกขอบคุณวันที่ผมลิ้มรสความยากจน ขอบคุณวันที่ผมลิ้มรสความลำบาก ถ้าไม่เคยลิ้มรสความลำบาก ผมคงไม่ได้ค้นพบสิ่งต่าง ๆ มากมาย
 
“ผมได้รับข้อเสนองานที่ดี งานหนึ่งให้ 150,000 อีกงานให้ 250,000 ดอลลาร์ และเพื่อนสนิทผมคนหนึ่ง ‘ซุน ลู’ ชวนผมในปีสุดท้ายของการเรียน เขาบอก ‘ชาตรี เรามาเปิดบริษัทกัน’ ผมว่า ‘จะบ้าเหรอ เราไม่มีเงิน เราจน ไม่มีทางที่จะเปิดบริษัทได้หรอก’ เขาบอก ‘ไม่เป็นไร เรามาช่วยกันวางแผนธุรกิจก่อน’ ผมตอบ ‘โอเค งั้นเรามาวางแผนธุรกิจกัน’
 
“ผมรู้สึกว่า ผมไม่อยากทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ บางแห่ง ผมอยากทำในสิ่งที่จิตวิญญาณของผมเรียกร้อง ตอนนั้นผมบอกเพื่อนไปว่า ‘พวกเราไป ซิลิคอน วัลเลย์ กัน’ พอผมบอกแม่เรื่องนี้ แม่โกรธเอามาก ๆ ผมบอก ‘แม่ต้องเชื่อใจผมนะ เราไปกัน’
 
“ด้วยความรักของแม่ มันเหลือเชื่อ แม่ไม่เพียงแต่อยู่ในหอพักศึกษากับผม ตอนเราย้ายไปที่ ซิลิคอน วัลเลย์ ซุน ลู กับผมเช่าอพาตเมนต์เล็ก ๆ ในที่สุดเขาก็เปิดบริษัทอินเตอร์เน็ตซอฟต์แวร์ในซานฟรานซิสโก เราจ้างพนักงาน 8 คนแรก ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ พวกเรากินอาหารแช่แข็ง อุ่นไมโครเวฟ กล่องเล็ก ๆ ราคา 1-1.5 ดอลลาร์ นั่นเป็นวิธีเอาตัวรอด เพื่อผมจะสามารถเดินตามความฝัน
 
“โชคดีที่เราได้เงินร่วมลงทุน 40 ล้านดอลลาร์ เรามีพนักงานถึง 150 คน ก่อนที่จะขายบริษัทในเวลาต่อมา ตอนนั้นเอง ที่ผมคิดถึงก้าวต่อไป ผมคิดแบบซื่อ ๆ ตอนที่ผมจน ถ้าผมหาเงินได้เยอะ ๆ ผมจะสามารถยุติความทุกข์ยากต่าง ๆ ที่แม่ต้องสู้ทนมา และนั่นคือเป้าหมายอันดับหนึ่งของผม ผมจึงตัดสินใจย้ายไปที่วอลสตรีต ผมย้ายไปที่วอลสตรีต เพราะรู้ว่าผมสามารถหาเงินได้เยอะที่นั่น แต่ในทุกวัน ผมกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างหายไป ชีวิตมันรู้สึกว่างเปล่า ผมเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้า
 
“ผมมี 500 ล้านดอลลาร์ อยู่ในกองทุนรวม ผมประสบความสำเร็จแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกว่างเปล่าในจิตใจ มันทำให้ผมนอนไม่หลับง่าย ๆ และได้แต่ครุ่นคิด สุดท้ายผมเลิกทำงาน เป็นผู้จัดการกองทุนรวม แล้วตัดสินใจทุ่มเทชีวิตให้กับศิลปะการต่อสู้
 
“จากนั้นผมก็หันมาก่อตั้ง อีโวลฟ์ ตามด้วย วัน แชมเปียนชิพ แต่มันไม่ง่ายเลย ผมพูดอยู่เสมอว่าเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่สำหรับทุกคนบนโลกนี้ก็คือความทุกข์ยาก ความทุกข์ยากที่มาจากความล้มเหลว ความขัดสน ความโศกเศร้า ความพ่ายแพ้ อุปสรรค และความผิดพลาด การข้ามผ่านความทุกข์ยากเหล่านี้ จะนำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ในตัวเรา
 
“3 ปีแรกของ วัน แชมเปียนชิพ ประสบปัญหามากมาย ความรู้สึกกลัว สงสัย ไม่แน่ใจ ในการก่อตั้ง วัน แชมเปียนชิพ และ อีโวลฟ์ ผมรู้สึกแบบนี้มาก่อน และผมเคยข้ามผ่านมันมาแล้ว แล้วผมก็ได้ทำในสิ่งที่ผมรัก ตอนฝึกมวยไทยแรก ๆ ยอมรับว่าผมเริ่มต้นด้วยเหตุผลตื้น ๆ ผมฝึกไว้อวดสาว เอาไว้เล่นงานพวกอันธพาล มันเป็นเหตุผลฉาบฉวย ผมไม่เข้าใจแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้
 
“แก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้คือการฝึกซ้อมหลายพันชั่วโมง ปีแล้วปีเล่า จนซึมซับเข้าไปถึงจิตวิญญาณนักสู้ เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิต และยังได้สัมผัสถึงคุณค่าของความซื่อสัตย์ ถ่อมตน กล้าหาญ มีวินัย และจรรยาบรรณในการทำงาน นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้จากศิลปะการต่อสู้
 
“แก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้ คือการปลดปล่อยศักยภาพของคุณ ทั้งด้านร่างกาย อารมรณ์ จิตวิญญาณ และความคิด และท้ายที่สุด คือการปลดปล่อยศักยภาพในการเป็นมนุษย์ ผมรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมค้นพบใน อีโวลฟ์ และ วัน แชมเปียนชิพ 
 
“ที่ วัน แชมเปียนชิพ ภารกิจซึ่งเรากำหนดไว้ตั้งแต่วันแรก คือการปลดปล่อยซูเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ผู้จุดประกายโลก ด้วยความหวัง พลัง ความฝัน และแรงบันดาลใจ เพราะฮีโร่ชองเราทุกคน ล้วนข้ามผ่านเรื่องราวในชีวิตที่หนักหนาสาหัส เอาชนะความยากจน ความโศกเศร้า และอุปสรรคมากมายก่อนจะได้เป็นแชมป์โลก บนเวทีระดับโลก บนเวทีการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
 
“ผมเชื่อว่า มีเมล็ดพันธุ์แห่งความยิ่งใหญ่ อยู่ในตัวเราทุกคน ผมไม่เชื่อว่า เราเกิดมาบนโลกใบนี้ เพียงเพื่อที่จะซื้อแค่บ้านหนึ่งหลัง รถหนึ่งคัน ผ่อนบ้าน และจ่ายหนี้บัตรเครดิต ไม่เลย ผมเชื่อว่า เราเกิดมาบนโลกนี้เพื่อปลดปล่อยความยิ่งใหญ่ เราจะได้เป็นผู้ให้กลับไป มากกว่าที่เราได้รับมา เพื่อที่เราจะจากโลกนี้ ในภพที่ดีกว่าตอนที่เราเกิดมา”
 
พบกับรายการ “ONE ลุมพินี Heroes” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 23.30 น. วันจันทร์-อังคาร เวลา 23.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
และสามารถติดตามชม ศึก “ONE ลุมพินี” ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 19.30 น. ทาง Facebook: TERO Digital, YouTube: TERO Digital, TikTok: TERO DIGITAL และ ตั้งแต่เวลา 20.30 น. ยิงสด ส่งตรงผ่านหน้าจอทีวีช่อง 7HD กด 35
 
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/l4as5cCJ6IQ