คดีพลิก ! ผู้เสียหายกลับลำ ปมถูก “สรรพสามิต” รีดส่วย สุดท้ายบอก “เข้าใจผิด”

เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวาน เช้านี้ที่หมอชิต รายงานข่าวชายฉกรรจ์ อ้างว่า มาจากกรมสรรพสามิต เข้าไปออกอุบายหลอกผู้จัดการร้านจำหน่ายอุปกรณ์ ก่อนเรียกรีดทรัพย์เป็นเงิน 300,000 บาท แต่มีการต่อรองเหลือ 50,000 บาท แล้วตำรวจซ้อนแผนจับกุม มาอีกวันนี้คดีพลิก เพราะผู้เสียหายกลับลำบอกว่าเรื่องดังกล่าวเข้าใจผิด

 

นี่เป็นวินาที ที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ซ้อนแผนจับกุม กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่ามาจากกรมสรรพสามิต จุดเริ่มต้นซ้อนแผนจับกุมชายกลุ่มนี้ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพสามิต ขอตรวจค้นภายในร้านที่ตึกแถว จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 18 มกราคม ไม่นานหลังจากนั้นก็จึงแจ้งกับ นางสาวมลธิลา ผู้จัดการร้านว่าอุปกรณ์ ที่จำหน่ายผิดกฏหมาย หนีภาษี และอ้างว่าต้องจ่ายเงิน 300,000 บาท เพื่อจะต้องไม่เสียเวลาไปขึ้นศาลและค่าปรับมากกว่านี้ แต่ท้ายที่สุดก็มีการต่อรองเหลือ 50,000 บาท

 

ในขณะที่ผู้จัดการร้าน คุณมลธิลา ต่อรองกับกลุ่มชายฉกรรจ์  พี่ชาย ซึ่งก็คือนายวู เดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ ทางตำรวจก็เลยซ้อนแผนดังคลิปที่เห็นไปเมื่อสักครู่ ที่บริเวณปั้ม ปตท.ข้างโรงเรียนนายเรือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ก่อนที่จะนำตัวมาสอบสวนต่อที่สถานีตำรวจภูธรเมือสมุทรปราการ  

เบื้องต้นทางตำรสจได้แจ้งข้อหานายสวโรจน์ โฉมงาม และ นายจักรินทร์ ทองแม้น ซึ่งทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ทั้งหมด3ข้อหา

มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่

มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

มาตรา 337 กรรโชกทรัพย์ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ

 

ส่วนผู้ต้องหาที่3 นายกิตติโภคิน เมธาวุฒิโชตินันท์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน แจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การปฏิเสธ และได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เมื่อคืนที่ผ่านมาในวางเงินคนละ 150,000 บาท อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานนำส่ง ปปช. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

แต่เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และจะสอบสวนติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เหลือตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดมาสอบสวนต่อไป เวลาต่อมา นายวู ( MR.WU YIWEN ) เดินทางไปที่ สำนักงานสรรพสามิต พื้นที่สมุทรปราาร เขต 1 เพื่อเสียภาษีนำเข้าแบตเตอรี่อิเล็กทรอนิกส์ และถูกเปรียบเทียบปรับ กว่า 80,000 บาท ก่อนที่จะนำใบเสร็จมาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดู และให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากตนเองไม่ทราบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่นัดกันที่ปั้มนั้นเนื่องจากตนเองไม่รู้จักสำนักงานสรรพสามิต พื้นที่สมุทรปราการ เขต 1 จึงต้องนัดหมายกันที่อื่น ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ถูกข่มขู่แต่อย่างใด หลังจากตนเองทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง จึงเดินทางมาเสียภาษีให้ถูกต้อง ของทั้งหมดก็ได้กลับคืนมาหมดแล้ว อย่างไรก็ตามตนเองต้องกราบขอโทษเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดการเข้าใจกันผิด

 

ทางด้าน พันตำรวจเอก เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว ยังอยู่ในขั้นในตอนการสอบสวน ทั้งตัวผู้เสียหาย และกลุ่มผู้ต้องหา เนื่องจากขบวนการสอบปากคำและการรวบรวมหลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ จากนั้นจะได้ส่งสำนวนทั้งหมดให้อัยการเป็นผู้สั่งฟ้อง ส่วนจะมีความผิดมากน้อยเพียงใดนั้นอยู่ในขั้นตอนของศาลพิจารณา