มีผู้หญิงรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวลงใน Facebook ส่วนตัว พูดถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือการเสียลูกชายวัย 3 ขวบ ที่มีอาการป่วยตัวร้อนมีไข้ จากนั้นนำตัวลูกส่งโรงพยาบาล เธออ้างว่าบุคลากรในโรงพยาบาลไม่มีใครสนใจดูแลอาการลูกของเธอ จนทำให้ลูกเธอเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อนางสาวทราย (นามสมมุติ) แม่เด็ก 3 ขวบที่เสียชีวิต ทางโทรศัพท์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค 65 น้องเริ่มมีอาการไข้และตัวร้อนได้ให้น้องกินยาลดไข้แล้วนอน พอเช้าวันที่ 23 ธ.ค.65 ไข้น้องไม่ลดลง เลยพาน้องไปรักษาตามสิทธิ์ที่ศูนย์ 24 จากนั้นศูนย์ 24 ได้ส่งตัวน้องไปที่โรงพยาบาลรัฐย่านสะพานใหม่ กทม. เพราะน้องไข้สูงและมีผื่นขึ้นตามตัว กังวลว่าน้องจะเป็นไข้เลือดออก
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลประมาณ 12.00 น. ได้มีการเจาะเลือดไปตรวจ แต่ยังไม่ทราบผล และเวลาประมาณ16.00-17.00 น. น้องได้เข้าห้องนอนรักษาที่โรงพยาบาล กว่าน้องจะได้ทานยาก็เวลา 4 ทุ่ม ระหว่างนั้นน้องไข้สูงหนาวสั่น 39-41 องศา ต้องเช็ดตัวอยู่ตลอด
ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค. 65 ไข้น้องยังไม่ลด ได้เจาะเลือดน้องไปอีก 2 ครั้ง มีการเอ็กซเรย์และตรวจอุจจาระแต่ยังไม่ทราบผล ได้แต่เช็ดตัวเป็นระยะ น้องมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรงจะนอนอย่างเดียว จนเวลา 14.00 น.น้องได้ทานยาลดไข้ครั้งที่ 2 น้องเริ่มทานยายากแล้ว และพยาบาลได้มาช่วยเช็ดตัวเนื่องจากไข้ไม่ลด ระหว่างเช็ดตัว น้องได้มีอาการตาเหลือกน้ำลายไหล
ตนเองกับสามีได้บอกพยาบาล แต่พยาบาลบอกว่าน้องไม่ได้ชักน้องแต่เกร็งไม่ต้องกังวล จนเวลาผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมง ได้ถามอีกครั้งพยาบาลว่าทำไมตาน้องยังค้าง พยาบาลก็ยืนยันคำเดิมว่า เป็นอาการหลักจากน้องเกร็ง ต่อมาได้มีหมอลงมาดู แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร จนตนเองทนไม่ไหวโวยวายว่าจะขอย้ายโรงพยาบาลหมอถึงลงมาดู และแจ้งว่า อาการที่น้องเป็นคือน้องชัก ตนเองรู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้พยาบาลบอกว่าไม่ชัก หมอได้ฉีดยากันชักให้น้อง แล้วได้ใส่เครื่องช่วยหายใจให้
แต่เนื่องจากหมอไม่ได้อยู่ด้วยตลอด เมื่อมีอาการที ก็ต้องโทรตามที และมีการจดข้อมูลการรักษาลงในสมุดเหมือนกำลังศึกษาอยู่ หลังจากน้องได้ฉีดยากันชัก น้องก็เริ่มมีอาการไม่ได้สติ ถ่ายเหลวและอ้วกเป็นเลือด ได้เรียกพยาบาลมาดู พยาบาลบอกว่าน้องกัดปาก และผ่านมาอีกประมาณ 10 นาที น้องได้อ้วกอีกครั้ง แต่เยอะกว่ารอบแรกอ้วกเป็นเลือดลิ่ม ๆ ตนเองจึงโวยวายจนมีพยาบาลออกมาดูกันเยอะเลย แต่ก็ไม่ทำอะไรเพียงแต่ถ่ายรูปและคุยโทรศัพท์
ต่อมาตนเองได้ขอย้ายโรงพยาบาล หมอบอกว่าไม่ทันแล้ว น้องอาการทรุด จนเวลา18.00น.หมอได้ให้พ่ออุ้มน้องไปส่งในห้องกระจก และเอาเอกสารให้แม่เซ็น และแจ้งว่าจะพาน้องขึ้นไปรักษาต่อที่ ICU เด็ก ระหว่างนั้นได้มีพยาบาล หมอ นักศึกษาแพทย์ได้วิ่งเข้าออกห้องนั้นเป็น 10 คน สอบถามอาการน้อง พยาบาลก็หัวเราะใส่แม่ถึง 2 ครั้ง บอกให้รอคุยหมอ
จนเวลาประมาณ 21.30 น้องพึ่งได้ขึ้นไปห้อง ICU และหมอได้แจ้งอาการประมาณ 23.00 น.ว่าระหว่างใส่เครื่องช่วยหายใจน้องได้มีอาการหัวใจหยุดเต้นไป 6 นาที แต่ก็ปั้มกลับมาได้ ตนเองจึงได้ขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่หมอแจ้งว่าขนาดย้ายขึ้นมา ICU ยังลำบากเลย ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
ต่อมาวันที่ 25 ธ.ค. 65 เวลา 00.18 น.หัวใจได้หยุดเต้นครั้งที่ 2 เวลา 00.30 หัวใจหยุดเต้นครั้งที่ 3 แต่ปั้มกลับมาได้ ตนเองจึงขอเข้าไปดูลูกที่ห้อง ICU เวลาประมาณ 02.00 น้องนอนน้ำตาลไหล ไม่ได้สติ หายใจเองไม่ได้ จนเวลา 04.00 น. หมออัปเดตอาการว่าน้องอาการคงที่แล้ว แม่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านก็ได้ หากมีอะไรจะโทรแจ้ง แม่เลยกลับบ้านมาทำธุระ และตอน 05.00 น. ได้กลับไปรอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง พอประมาณ 11.00 น. หมอได้ออกมาแจ้งว่า ระหว่างที่แม่กลับไปหัวใจน้องหยุดเต้นไป6ครั้ง และไม่ตอบสนองต่อยาที่ทำการรักษา และซีกโครงซ้ายหัก 1 ซี่ ให้เรียกญาติมาว่าจะเอาอย่างไร
จนญาติมาครบได้บอกว่าหากน้องไม่ไหวให้ปล่อยน้องได้เลย เวลาประมาณ 13.00 น. หมอได้ออกมาแจ้งอาการน้องว่าหัวใจหยุดเต้นเป็นระยะ ได้เปลี่ยนยาที่ฉีดให้ แต่ชีพจรยังเต้นอ่อนมาก ส่วนซีกโครงน้องไม่ได้หักเหมือนหมอคนที่แล้วแจ้งไว้
จนเวลา 17.00 น. ออกมาแจ้งอีกครั้ง ว่ามีการตรวจพบว่าน้องเป็นไตระยะที่ 3 และทางรพ.พยาบาลไม่มีเครื่องฟอกไตสำหรับเด็ก จะส่งตัวไปรักษาที่รพ.อื่นก็ไม่สามารถทำได้เพราะชีพจรต่ำมากและหัวใจหยุดเต้นบ่อย จนเวลา19.00น. หมอออกมาแจ้งว่าให้ญาติทำใจได้ปั้มหัวใจน้องเกิน 30 นาทีแล้วแต่ไม่กลับมา และน้องได้เสียชีวิตลงเวลา 19.39 น. ในวันที่ 25 ธ.ค. 65
ก่อนหน้านี้น้องแข็งแรงมากและไม่เคยป่วย แม่ตั้งคำถามกลับโรงพยาบาลว่า ตอนที่น้องยังไม่เป็นอะไรทำไมนิ่งนอนใจกัน ไม่กล้าตัดสินใจในการรักษา การเจาะเลือดถึง3ครั้งยังไม่ทราบอีกหรอว่าน้องมีอาการอะไร หมอลงในสาเหตุการตายว่าติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ได้ประสานไปยังท่านเลขารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแล้ว ถ้าเป็นการเสียชีวิตที่เกิดจากความประมาท สามารถมายื่นรับเงินเยียวยาในส่วนของกระทรวงที่ทำได้ด้วย ตอนนี้ได้ติดต่อท่านผู้บริหารโรงพยาบาลรัฐแห่งนี้แล้ว ทางผู้บริหารโรงพยาบาลพร้อมจะชี้แจงทุกประเด็นที่แม่สงสัยในการเสียชีวิตของลูก ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ คาดว่าภายในอาทิตย์หน้า น่าจะได้คำตอบและเชิญแม่ผู้เสียชีวิตมารับฟัง
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35