หนุ่มพนักงานเทศบาลสุดเช็ง เงินโดนโอนออกจากบัญชีธนาคารเกลี้ยง ทั้งที่ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย มีคลิปขณะทำงานยืนยัน ว่าไม่ได้แตะต้องโทรศัพท์ มีสลิปโอนออกไปให้คนชื่อ นายอาตาบา จะลอ เผยไม่เคยกดลิงก์ใด ๆ
เมื่อเช้านี้ (16 ม.ค.) นาย เกียรติกุล ศรีจันทร์ อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่เทศบาล ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 เวลา 14.59 น. ขณะที่ตนเองนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ และวางอยู่ข้างขวามือ โดยไม่แตะต้องเลย อยู่ดี ๆ เงินโอนออกไปให้กับ นายอาตาบ่า จะลอ ตนเองมารู้ตัวในช่วงเย็น ตนเองนั้นยืนยันว่าไม่รู้จักกับ นายอาตาบา และไม่ได้กดรับลิงก์ใด ๆ เลย เบื้องต้นได้ไปทำการแจ้งความ ที่สภ. เมืองอ่างทอง
ตนเองก็แจ้งกับธนาคารให้ช่วยอายัตบัญชีนายอาตาบ่า จะลอ แต่เขากับอายัดบัญชีของตนเองทั้งไม่มีเงินเลย ตอนนี้ตนเองก็ได้นำใบแจ้งความไปประสานกับทางธนาคารเพื่อติดตามเงินคืนแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย
ไปดูเหตุการณ์คล้าย ๆ แบบนี้อีกกรณีหนึ่ง เมื่อวาน (15 ม.ค.) ก็มี 2 ผู้เสียหายไปร้องกับเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้ช่วยเหลือ หลังจากเงินถูกโอนออกจากบัญชีธนาคารอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งที่ผู้เสียหายไม่เคยโหลดแอปพลิเคชันอะไรแปลก ๆ ไม่ชาร์จแบตเตอรี่มือถือจากสายชาร์จคนอื่น หรือใช้ไวไฟที่สาธารณะ
โดนผู้เสียหายรายแรก เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา อยู่ดี ๆ โทรศัพท์มือถือหน้าจอดับ ใช้การไม่ได้กว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่แอปฯ ของธนาคารกลับมีการแจ้งเตือนว่า แอปฯ ของธนาคารไม่ได้ถูกติดตั้งโดย Play store ให้ทำการลบแอปฯ ออก และติดตั้งใหม่ ซึ่งตอนนั้นเงินยังไม่ได้หายออกไปจากธนาคาร กระทั่งวันที่ 11 มกราคม พบว่าเงินในแอปฯ ธนาคาร หายออกไปจากบัญชีเกือบ 100,000 บาท ไปเข้าบัญชี บัญชีหนึ่ง
ส่วนผู้เสียหายอีกคนบอกว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม กำลังนั่งคุยกับพี่ชายที่บ้าน เพื่อวางแผนการทำงาน และวางโทรศัพท์ชาร์จแบตฯ ทิ้งไว้ที่โต๊ะใกล้ จู่ ๆ ก็มีข้อความจากธนาคารแจ้งว่า มีการโอนเงินจากแอปฯ ธนาคารของตนเอง ไปยังบัญชีของคนอื่น 100,000 บาท ตอนนั้นตกใจมาก เพราะไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรม จึงไปแจ้งความกับตำรวจท้องที่ แต่ไม่มีความคืบหน้าอะไร
นายเอกภพ บอกว่า ตอนนี้รวบรวมผู้เสียหายได้เกือบ 20 คนแล้ว โดยโทรศัพท์ทั้งหมดที่ถูกแฮกฯ เป็นโทรศัพท์ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยวันอังคารที่ 17 มกราคมนี้ จะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด และเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ส่วนอีกเคส เป็นการให้เบอร์โทรศัพท์กับขอเข้าลิงก์ ทำให้สูญเงินไป 1 ล้านบาท ผู้เสียหายเป็นหนุ่มอายุ 22 ปี เจ้าของเครื่องดื่มน้ำสมุนไพร
โดยมิจฉาชีพโทรมาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร โดยมีการสอบถามชื่อร้านและบอกให้ลงทะเบียนยกเลิกแอปพลิเคชันถุงเงิน จากนั้นมีการแอดไลน์จากเบอร์โทรพร้อมกับส่งลิงก์เข้ามาให้ หลังจากนั้นหน้าจอโทรศัพท์ก็ค้างไปเลย และมีรหัส OTP 6 ตัว ขึ้นมา แต่ตนเองไม่สามารถทําอะไรได้เลย ซึ่งระหว่างนั้นยังค้างสายโทรศัพท์กับมิจฉาชีพอยู่ โดยเขาอ้างว่ากําลังทำรายการตรวจสอบอยู่ ซึ่งมารู้ตัวอีกทีคือตอนที่เงินเด้งออกไปรอบแรกจำนวน 700,000 บาท และสายก็ตัดออกไปเลย และถูกดูดเงินอีกครั้งจํานวน 306,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสินจํานวน 1,006,000 บาท