ผู้เสียหายร้องสื่อ หลังถูก ตร. ยัดข้อหาพยายามฆ่า เป็นคดีติดตัวนานกว่า 7 ปี สมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้ แถม ตร. ยังมาเรียกเงิน 1 แสน แลกการปิดคดี อ้าง นั่งทับคดีให้เงียบมาตั้งนาน !
วันที่ 16 ม.ค. 66 บิว ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่ถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 58 ตนกับนายฉี กำลังออกไปซื้อของที่ห้างโลตัส ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุตรงนั้นมีการละเลาะวิวาทกันอยู่ เมื่อตนสังเกตุแล้วก็พบว่าเป็นคู่อริของตน มีมีด มีปืนอยู่ด้วย ตนเลยวนรถกลับบ้าน แต่ทว่า นายฉี เขาวนรถหนีไม่ทัน แล้วรถจักรยานยนต์ล้ม เลยต้องหนีเข้าไปในห้าง กลุ่มคู่อริก็ตามเข้าไป ซึ่งหลังจากที่ตนหนีมา ตนก็ไม่ได้ย้อนกลับไปหาเรื่องเอาคืนเขา เพราะตอนนั้นก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่านายฉี ไม่ได้หนีรอดมาด้วย
ด้าน แฮ็ค แฟนของผู้เสียหาย เผยว่า นายฉี เล่าให้ตนฟังว่า กลุ่มคู่อริเขามีเรื่องกับกลุ่มอื่นก่อนหน้า ที่แฟนตน(นายบิว) และนายฉีจะไปถึงอยู่แล้ว แต่นายฉีรถล้ม ทำให้ถูกดันหนีเข้าไปในห้างโลตัส ซึ่งคู่กรณีเขาก็ไม่รู้ว่านายฉี เป็นคู่อริของเขาหรือเปล่า เขาจะกระทืบอยู่แล้ว จากนั้นมีคนในกลุ่มคู่กรณี เขาเข้ามาบอกว่า นายฉี ไม่ได้เกี่ยว ทำให้นายฉีรอดออกมาจากตรงนั้นได้ ทั้งนี้ กลุ่มที่ก่อเหตุ เขามีปัญหากับคนอื่นหลายกลุ่ม ในท้องที่นั้น
หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 58 ต่อมาวันที่ 22 เม.ย. 58 นายฉีถูกตำรวจเรียกเข้าไปพบ ในคดีร่วมกันพยายามฆ่า จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทวันที่ 15 เม.ย. 58 ซึ่งนายฉี ก็เข้าไปคุยกับตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ตำรวจกลับบอกว่า จะฝากขังตอนนั้นเลย หากไม่จ่ายเงิน 30,000 บาท เป็นค่าประกันตัว นายฉี เลยยืมเงินเพื่อนมาจ่าย แต่ตำรวจกลับให้ไปจ่ายในห้องน้ำโรงพัก ซึ่งก็ไม่ได้รับใบเสร็จอะไร และพอจ่ายเสร็จ ตำรวจก็เงียบหายไปเลย ในส่วนของแฟนตนตำรวจก็ไม่ได้เรียก สอบปากคำ หรือมาค้นบ้านแต่อย่างใด และตนยังคิดว่านายฉี โดนค่าประกัน 30,000 บาท แฟนของตนก็คงโดนไม่ต่างกันมาก เลยตัดสินใจปล่อย รอให้เขาดำเนินคดี ซึ่งในตอนนั้น มองย้อนไป 7 ปี ทุกคนยังเด็ก เลยไม่กล้าถามตำรวจเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ต่อมาวันที่ 28 ก.ค. 59 แฟนของตน ถูกตำรวจจับในข้อหาคดีร่วมกันฆ่า และพกอาวุธปืนฯ ซึ่งแฟนของตนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ทางตำรวจก็ได้เข้ามาค้นที่บ้านเพื่อหาอาวุธ แต่ไม่เจอของกลาง สุดท้าย พ่อของแฟนก็ต้องนำสมุดบัญชีธนาคาร มีเงินอยู่ 300,000 บาท เป็นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวออกมา ตนก็ยืนยันกับตำรวจว่าถ้าเขามีหลักฐานมากพอ ให้ส่งฟ้องได้เลย ตนอยากให้ไปเป็นตามกระบวนการ ซึ่งผ่านมา 7 ปี ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
กระทั่งวันที่ 10 ม.ค. 66 ตนตัดสินใจโทรหาตำรวจ โดยทางตำรวจบอกว่า เรียกเงิน 100,000 เพื่อเป็นค่าจบคดี และอ้างว่าตลอดมา เขานั่งทับคดีนี้เพื่อให้มันเงียบมาตลอด ถ้าตนไม่เอาเงินไปจ่ายเขา เขาก็ยังบอกอีกว่า เขาก็จะนั่งทับคดีนี้จนขาดอายุความ 20 ปี ซึ่งตอนแรกตนคิดว่าจะปล่อยเรื่องนี้ แต่ที่ตนตัดสินใจมาเรียกร้องออกสื่อ เพราะว่า แฟนตนกอดคดีนี้มากว่า 7 ปีแล้ว ทำให้ไม่สามารถไปทำงานได้ ไปสมัครงานที่ไหนเขาเช็กประวัติ ก็จะมีคดีติดตัว นอกจากนี้หลังจากออกสื่อไปแล้ว ตำรวจรายดังกล่าว โทรมาบอกตนว่าทำไมถึงไปร้องเรียนสื่อ ทำให้ตนกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายบิว เล่าต่อว่า เหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ตนไม่สามารถไปสมัครงานที่ไหนได้เลย เนื่องจากมีคดีติดตัวมากว่า 7 ปี แม้แต่งานไรเดอร์ก็ไม่สามารถทำได้ ตอนนี้ทำงานอยู่ในท่าเรือ แต่ก็ไม่ได้เป็นพนักงาน เป็นแค่ลูกจ้างทั่วไป แม้แต่ประกันสังคมก็ไม่ได้
ฟาก เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ตนคิดว่ายังไงก็ต้องเอาผิดตำรวจที่มาเรียกรับเงิน เรามีหลักฐานชัดเจน ต้องให้ผู้บังคับบัญชา ตั้งกรรมการสอบสวน ส่วนเรื่องของคดีความ ตนคุยกับผู้เสียหายแล้วว่า การที่เขามาร้องเรียนกับตน ไม่ได้ทำให้หลุดจากดคีทำร้ายร่างกาย แต่จะช่วยในการดำเนินคดีกับตำรวจที่มาเรียกรับเงิน ซึ่งต้องดำเนินการไปพร้อมกับคดีของผู้เสียหาย จะผิดหรือไม่ ให้ศาลเป็นคนตัดสิน ซึ่งผู้เสียหายเขาก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตนจะช่วยประสานกระทรวงยุติธรรม ให้มาช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าโชคดีแล้ว ว่าผู้เสียหายไม่ได้หาเงินไปจ่ายตำรวจ หากจ่ายเงินไป แล้วตำรวจคนดังกล่าวถูกย้าย แล้วตำรวจใหม่ที่มาทำแทน เขาส่งฟ้อง ก็จะเท่ากับว่าเราเสียเงินไปฟรี ๆ ทั้งนี้ตนฝากบอกตำรวจว่า "ปล่อยคนร้าย 10 คน ยังไม่เท่าจับผู้บริสุทธิ์ 1 คน" วอนตำรวจให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.พระโขนง เผยว่า เบื้องต้นได้สอบถามทางวาจากับตำรวจรายดังกล่าวแล้ว เขาปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้เรียกรับเงินมาก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมด ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้จัดตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว โดยมีรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นประธานการสอบสวน ทาง สน.พระโขนงก็จะรีบดำเนินการสอบสวนให้เสร็จภายใน 3 วัน
ส่วนเรื่องของคดีทำร้ายร่างกายเมื่อปี 58 มีผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ หลายคน จะดำเนินการสอบสวนทั้งผู้เสียหาย และพยาน เพิ่มเติม มาประกอบสำนวน ขณะเดียวกัน ที่เรื่องนี้ยาวนานถึง 7 ปี เนื่องจาก มีพยานหลายปากที่ยังติดตามตัวมาสอบปากคำได้ แต่อย่างไรก็ตาม จะรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้ เกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า ตนแนะนำให้มาร้องเรียนกับกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ ภายใต้ กระทรวงยุติธรรม โดยทางกระทรวงฯ จะให้คำแนะนำด้านกฎหมาย มีทนายช่วย ส่วนเรื่องความปลอดภัย เราก็มีมาตรการในการคุ้มครองพยานในคดีอาญา หากกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ก็ให้มายื่นเรื่องที่กระทรวงฯ
ด้าน ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย สภาทนายความฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีก่อน เนื่องจากตำรวจมีการเรียกรับสินบน ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 149 มีโทษจำคุก 5-20 ปี เมื่อแจ้งความแล้วเราจะตกเป็นผู้เสียหาย และพยาน ดังนั้นให้เอาฐานนี้ไปยื่นเรื่องขอคุ้มครองสิทธิ ส่วนเรื่องที่ถูกแจ้งความว่าไปทำร้ายร่างกาย ถ้าสืบออกมาแล้วว่าเราไม่ผิด คนที่แจ้งจับเราจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จทันที ซึ่งเราต้องไปสู้คดีก่อน ทั้งนี้หากเรื่องของกฎหมาย ผู้เสียหายมีอะไรกังวล ตนจะช่วยแน่นอน
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35