logo เช้านี้ที่หมอชิต

โอละพ่อ ! ผลเลือดเสี่ยเบนท์ลีย์ “ไม่เมาขับ” แต่ตำรวจแจ้ง “เมาแล้วขับ” เพิ่ม

เช้านี้ที่หมอชิต : เช้านี้ที่หมอชิต - ตามต่อกันคดีเสี่ยขับรถเบนท์ลีย์ ชนบนทางด่วน ทำให้มีรถได้รับความเสียหาย 3 คัน มีคนเจ็บ 6 คน ผลตรวจเลือดออกมา ข่าว,ช่อง7สี,ช่อง7HD,กด35,ข่าวช่อง7,CH7HD,รายการ,ดูย้อนหลัง,คลิปย้อนหลัง,CH7HDNEWS,ข่าวการเมือง,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวบันเทิง,ข่าวโซเชียล,ข่าวออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวอาชญากรรม,ข่าวกีฬา,ข่าวภูมิภาค,ข่าวด่วน,ข่าวเด็ด,ข่าวร้อน,ข่าวสด,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ch7 news,เช้านี้ที่หมอชิต,ข่าวเช้า,ข่าวเช้าช่อง 7,เช้านี้ที่หมอชิตวันนี้,เช้านี้ที่หมอชิต ล่าสุด,เช้านี้ที่หมอชิต ช่อง7,TERO Digital

194 ครั้ง
|
12 ม.ค. 2566
เช้านี้ที่หมอชิต - ตามต่อกันคดีเสี่ยขับรถเบนท์ลีย์ ชนบนทางด่วน ทำให้มีรถได้รับความเสียหาย 3 คัน มีคนเจ็บ 6 คน ผลตรวจเลือดออกมา ปรากฏว่า ค่าแอลกอฮอล์ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก สุดท้ายตำรวจยอมตั้งข้อหาเมาสุราขณะขับรถ ศาลให้ประกันตัวในวงเงิน 100,000 บาท 
 
จากกรณี นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ นักธุรกิจขับรถหรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ ชนท้ายรถ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ เสียหลักไปชนรถดับเพลิง อปพร.บางรัก เสียหาย 3 คัน มีผู้บาดเจ็บ 6 คน เหตุเกิดบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ขึ้นจากถนนสุขสวัสดิ์มาประมาณ 9-10 กิโลเมตร มุ่งหน้าดินแดง เมื่อช่วงดึกของวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา
 
หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ก็ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า เหตุใดตำรวจไม่ตรวจวัดแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุทันที แถมตำรวจอ้างภายหลังว่าคนขับเจ็บหน้าอก ขอไม่เป่าแอลกอฮอล์ ขอใช้วิธีตรวจเลือด ตำรวจก็ยอม แถมบอกว่าตรวจเลือด วัดแอลกอฮอล์ได้ชัดเจนกว่า
 
กระทั่งช่วงค่ำของวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ผลตรวจเลือดของคนขับรถหรูเบนท์ลีย์จากโรงพยาบาลตำรวจออกมา ระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 10.73 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เมื่อคำนวณย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเกิดเหตุ ก็พบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ของ นายสุทัศน์ คนขับเบนท์ลีย์ อยู่ที่ไม่เกิน 45 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
 
โฆษกตำรวจนครบาล แถลงข่าว วันที่ 9 มกราคม บอกว่า เวลาที่ตำรวจคุมตัวเจ้าของรถเบนท์ลีย์ไปตรวจเลือด คือช่วง 01.00-02.00 น. สอดคล้องกับคำยืนยันของ พันตำรวจโท พิเชษฐ์ ก้อนแพง รองผู้กำกับการงานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร พนักงานสอบสวนคดีนี้ 
 
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า ช่วงเวลา 01.00-02.00 น. คนขับเบนท์ลีย์ยังนั่งเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ที่ สน.ทางด่วน 1 อยู่เลย กว่าจะได้ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็เป็นช่วง 04.00-05.00 น. เข้าไปแล้ว และมีรายงานว่า มีบุคคลภายนอกมาอ้างตำแหน่งใหญ่โต พาคนขับเบนท์ลีย์ไปตรวจเลือด ทั้งที่เป็นหน้าที่ของตำรวจ
 
เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ทีมข่าวเช้านี้ที่หมอชิต เราได้คุยกับ รองศาสตราจารย์นายแพทย์วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวถึงประเด็นการตรวจวัดแอลกอฮอล์ว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีเป่าหรือเจาะเลือด ก็ให้ผลที่ไม่แตกต่างกัน แต่ผลจะแตกต่างกันถ้าระยะเวลาของการตรวจวัดไม่ได้ทำทันทีหลังจากเกิดเหตุ 
 
รองศาสตราจารย์นายแพทย์วีระศักดิ์ ยังบอกอีกว่า จากประสบการณ์การทำงาน นี่ไม่ใช่รายแรกที่ปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะส่งมาเจาะเลือดที่โรงพยาบาล แต่บางรายมาถึงโรงพยาบาลแล้วก็ปฏิเสธการเจาะเลือดอีก แพทย์ก็ไม่สามารถเจาะได้ จะให้ผู้ป่วยเซ็นปฏิเสธไม่รับการเจาะเลือด แพทย์จะส่งเรื่องกลับให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินคดีต่อ
 
นายแพทย์ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน แสดงความกังวลว่า จากกรณีนี้อาจเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่ทำให้เกิดการเอาเยี่ยงอย่างได้ เช่น อ้างเจ็บหน้าอก หรือหาทางเลี่ยงออกจากที่เกิดเหตุ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องวางมาตรการอุดช่องโหว่เหล่านี้ ไม่ควรให้พนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจส่วนตัวมากเกินไป เนื่องจากสังคมไทยเคยมีบทเรียนแบบนี้มาแล้ว เช่น กรณีเสี่ยเบนซ์ชนรถฟอร์ด ทำให้นักศึกษาปริญญาโท 2 คน ถูกไฟคลอกเสียชีวิต เมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งมีการปฏิเสธทั้งการเป่าและเจาะเลือด โดยอ้างว่ากลัวเข็ม ซึ่งกระบวนการสอบสวนก็ไม่รัดกุม สุดท้ายคดีนี้จึงรอดความผิดฐานเมาขับไป
 
ซึ่งหากจะยอมให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจได้ ควรกรณีวิกฤต เช่น ปอดทะลุ ซี่โครงหัก กรามหัก หรือหมดสติ ที่ต้องไปโรงพยาบาลอยู่แล้ว และกฎหมายปัจจุบันยังอนุญาตให้พนักงานสอบสวนร้องให้แพทย์เจาะเลือดได้แม้จะหมดสติไม่รู้ตัว
 
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ล่าสุด ตำรวจก็ทนกระแสกดดันไม่ไหว ตั้งข้อหา นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ คนขับรถเบนท์ลีย์ ในข้อหา ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สิน เสียหาย, ขับรถในขณะเมาสุรา (ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ให้สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ) และนำตัวผู้ต้องหาไปทำการฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิจารณารับฝากขังตามคำร้อง ต่อมาผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันในราคา 100,000 บาท
 
นอกจากนี้ จะมีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่สังคมตั้งคำถามเรื่องการตรวจวัดแอลกอฮอล์ การทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในคดีนี้ด้วย โดยจะทราบผลภายใน 15 วัน
 
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 
รับชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/IlWDg6ymhEE