ผลตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด เสี่ยเบนท์ลีย์ ออกแล้ว พบเพียง 10 กว่ามิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เมื่อผลตรวจออกมาแบบนี้ ทำให้กระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ในเรื่องระยะเวลาของการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ ว่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปหรือเปล่า กว่าจะพาไปตรวจ
จากกรณี นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ นักธุรกิจ ขับรถเบนท์ลีย์ชนท้ายรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ เสียหลักไปชนรถดับเพลิง อปพร.บางรัก บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ขึ้นจากถนนสุขสวัสดิ์มา 9-10 กิโลเมตร มุ่งหน้าดินแดง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 คน เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้นผู้ที่ขับรถเบนท์ลีย์ได้พยายามหลบหนี เดินลงมาจากทางด่วน แล้วนั่งแท็กซี่ต่อ แต่กู้ภัยตามมาทันก่อน จึงคุ้มตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาแถลงข่าวว่าคนขับรถเบนท์ลีย์ ไม่อนุญาตให้เป่าวัดแอลกอฮอล์ในวันเกิดเหตุ โดยอ้างว่ามีอาการเจ็บหน้าอก ไม่มีแรงเป่า ตำรวจจึงต้องตรวจเลือดเพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในภายหลัง
ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ผลการตรวจสอบเลือดของผู้ขับขี่รถยนต์หรูเบนท์ลีย์ ออกแล้วจากโรงพยาบาลตำรวจ โดยผลการตรวจเลือดดังกล่าวแหล่งข่าวยืนยันว่า ผลอยู่ที่ประมาณ 10 กว่ามิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงทำให้ทางตำรวจไม่ได้มีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการขับขี่ขณะมึนเมาสุราเพิ่มเติมแก่ผู้ขับขี่เบนท์ลีย์
ในประเด็นนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเป็นอย่างมาก พูดถึงช่วงเวลาการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ว่าตำรวจปล่อยเวลาไว้เนิ่นนาน กว่าจที่ะนำตัวผู้ผู้ขับขี่ไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลง เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่เวลา 00.30 น แต่ผู้เสียหายยืนยันว่า มีการนำผู้ที่ขับรถเบนท์ลีย์ไปตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดตอนประมาณตี 5 ยังพยายามกินน้ำเปล่าอยู่ตลอดเวลา
ส่วนเรื่องการตรวจสอบความเร็วขณะนี้ยังอยู่ที่การตรวจสอบของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลเร็ว ๆ นี้ ส่วนการตรวจสอบสารเสพติดขณะนี้ผลการตรวจยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการกำชับเร่งให้ตรวจสอบเรื่องของปริมาณแอลกอฮอล์ จึงทำให้ผลตรวจวัดแอลกอฮอล์ออกมาก่อน
นอกจากนี้ ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนยังมีการเรียกตัวผู้ขับขี่ รวมถึงผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ มาทำสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทราบประเด็นว่ามีการเรียกสอบเพิ่มเติมในประเด็นใด ซึ่งความชัดเจนในคดีนี้ทั้งเรื่องผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์รวมถึงการสอบปากคำเพิ่มเติม ต้องรอความชัดเจนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล
ลองไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ที่หญิงสาวขับรถกระบะไปเสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์อย่างแรง จนรถบรรทุกพลิกคว่ำ ไปทับรถที่จอดข้างทาง และชนรถคันอื่นได้รับความเสียหาย รวม 7 คัน ทำให้เพื่อนที่นั่งมาในรถกระบะคันก่อเหตุเสียชีวิตคาซากรถ 1 ราย
เหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ขับขี่รถกระบะไปตรวจ วัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่โรงพยาบาลทันที หลังเกิดเหตุ ซึ่งผลการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์กับคนขับสาวรายนี้ พบว่าสูงถึง 142 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหาหนัก คือ ขับรถในขณะเมาสุราจนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35