การจับนายตู้ห่าวจนกระทั่งกลายเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติครั้งนี้ จากที่นายชูวิทย์พุ่งเป้าโจมตีทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า ทำคดีไม่ตรงไปตรงมา และเรียกร้องให้ย้าย ผบช.น.
ล่าสุด นายชูวิทย์ได้พุ่งเป้าไปที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านการเปิดโปงข้อมูลว่า หลานชายของนายกมีเอี่ยวกับตู้ห่าว ทำให้คดีนี้เพิ่มดีกรีความร้อนแรงเข้าไปอีก
หลังจากนายชูวิทย์ ได้พยายามนำข้อมูลต่างๆ กับคดีตู้ห่าวมาแฉผ่านทางเฟซบุ๊กตนเองและสัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลายต่อหลายครั้งก็มีข้อมูลที่ตรงกับทางตำรวจ จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า นายชูวิทย์นำข้อมูลลับเหล่านั้นมาจากไหน โดยเฉพาะข้อมูลในส่วนที่เข้าถึงยาก มีตำรวจที่เกี่ยวข้องกับสำนวนส่งข้อมูลให้นายชูวิทย์หรือไม่ โดยเฉพาะล่าสุดที่เปิดเผยเรื่องทัวร์ของหลานชายของนายกรัฐมนตรี จนล่าสุดทาง พลตำรวจ
โทธิติ แสงสว่าง มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ หลังจากพบว่า มีพยานหลักฐานในสำนวนหลุดรั่วออกมา โดยสงสัยนายตำรวจระดับพันตำรวจโทนายหนึ่งคัดลอกข้อมูลที่รับผิดชอบคดีส่งให้นายชูวิทย์ที่ออกมาแถลงข่าวล่าสุด ซึงพอเปรียบเทียบกับข้อมูลของนายชูวิทย์ปรากฎว่าตรงกันกับแผ่นชาร์ตของนายชูวิทย์ที่แถลงให้สื่อมวลชน เบื้องต้นทราบแล้วว่าเป็นนายตำรวจฝ่ายสืบสวนสังกัด สน.แห่งหนึ่งในพื้นที่นครบาล จึงสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบเพื่อเอาผิดกับนายตำรวจดังกล่าวเพราะทำให้รูปคดีเสียหาย
ซึ่งข้อมูลที่ผู้สื่อข่าวสนใจ คือกรณีที่มีการระบุว่า หลานชายของพลเอกประยุทธ์ ลูกชายของพลเอกปรีชา จันทร์โอชา เข้าไปมีเอี่ยวกับธุรกิจของนายตู้ห่าว ทำให้มีการนำไปสอบถามกับพลเอกประยุทธ์ขณะลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี จึงเกิดอาการหงุดหงิดอารมณ์เสีย และบอกว่า “ฉันไม่ใช่ศัตรูเธอ ฉันจะพยายามไม่หงุดหงิดอยู่แล้ว” จากนั้นได้ปัดมือไปข้างหลังก่อนจะเดินขึ้นรถไป
คำถามคือ การนำข้อมูลเรื่องหลานชายของ พลเอกประยุทธ์มาเปิดเผยในครั้งนี้ นายชูวิทย์มุ่งหวังอะไร ก็คงต้องย้อนกลับไปว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายชูวิทย์พยายามพาดพิงพลเอกประยุทธ์ เพื่อให้มีการโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาลออกจากตำแหน่งไปทำอย่างอื่น แต่แทบไม่ได้รับความสนใจจากพลเอกประยุทธ์เลย ซึ่งข้อมูลล่าสุดทำให้เชื่อว่า นายชูวิทย์คงมีจุดมุ่งหมายให้พลเอกประยุทธ์หันมาสนใจกับเรื่องนี้ เพราะถือว่าตัวเองถือข้อมูลสำคัญในคดี
และหลานชายก็เป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของพลเอกประยุทธ์ เพราะเคยถูกฝ่ายค้านนำมาอภิปรายเรื่องการเปิดบริษัทในค่ายทหารและประมูลงานของภาครัฐ มูลค่านับหลายร้อยล้านบาทมาแล้ว หลังออกมาเปิดข้อมูลเรื่องหลานชาย และ นายกรัฐมนตรีแสดงอาการหงุดหงิดออกมา นายชูวิทย์ซึ่งมีฉายา “จอมแฉ” ได้โพสต์ถึง นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เจ้าของฉายา “แปดเปื้อน” ในหลายประเด็น
และล่าสุด นายชูวิทย์ก็ยังออกมาขย่มต่อเนื่องเกี่ยวกับธุรกิจของหลานชายพลเอกประยุทธ์ที่ไปเกี่ยวพันกับธุรกิจของนายตู้ห่าวว่า นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ไม่ตั้งข้อหาคดีฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ตนเอะใจขึ้นเมื่อมีตัวละครเพิ่มเป็น “หลานนายกฯ ประยุทธ์”
ในนาม หจก. คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่เป็นเสมือน “นอมินี” ของตู้ห่าว ในการถือครองรถทัวร์จำนวน 50 คัน โดยเป็นรถทัวร์ยี่ห้อ “ซันลอง” ที่ไฟแนนซ์ไว้กับ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
และนำไปให้ บริษัท เอ็มแอนด์เอ็ม ทรานสปอร์ต เซอร์วิส จำกัด ของนายตู้ห่าว เช่าช่วงต่ออีกทอดนึง ราคารถคันละ 3.5 ล้าน รวม 50 คัน เท่ากับ 175 ล้าน ทุกคัน ตู้ห่าว จ่ายเงินดาวน์ คันละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 25 ล้านบาท
ซึ่งการออกมาโพสต์ของนายชูวิทย์ ได้เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์สั่งสอบหลานตัวเองว่าเหตุใดจึงเข้าไปเกี่ยวพันกับธูรกิจนายตู้ห่าว และควรแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีการแถลงข่าวการเข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์วันนี้ด้วย
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35