เจ้าของบ้านหัวจะปวด สาวค้างค่าเช่า 1 ปี ไล่ยังไงก็ไม่ออก ซ้ำขู่แจ้งความข้อหาบุกรุก
logo ข่าวอัพเดท

เจ้าของบ้านหัวจะปวด สาวค้างค่าเช่า 1 ปี ไล่ยังไงก็ไม่ออก ซ้ำขู่แจ้งความข้อหาบุกรุก

ข่าวอัพเดท : เจ้าของบ้านหัวจะปวด ผู้เช่าค้างจ่ายเงินค่าเช่าเกือบ 1 ปี ตีมึน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไม่ย้ายออก ซ้ำแจ้งความข้อหาบุกรุกกับเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้าน,บ้านเช่า,ค้างค่าเช่า,ไล่ไม่ออก,แจ้งความ,บุกรุก

2,718 ครั้ง
|
06 ม.ค. 2566
      เจ้าของบ้านหัวจะปวด ผู้เช่าค้างจ่ายเงินค่าเช่าเกือบ 1 ปี ตีมึน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไม่ย้ายออก ซ้ำแจ้งความข้อหาบุกรุกกับเจ้าของบ้าน ยอมทั้งไม่เอาเงิน แถมให้อีก 1 หมื่น ยังไม่ยอมไป ถามกลับเงินแค่นี้ตั้งตัวได้เหรอ
 
       จากกรณีเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part5.2” เผยแพร่เรื่องราวของผู้เช่าบ้านรายหนึ่ง ภายในซอยเอกชัย 109 กทม. ไม่จ่ายค่าเช่าบ้าน หมดสัญญาเช่ามาเป็นปี เจ้าของบ้านขอให้ย้ายออก แต่ผู้เช่ากลับไม่ยอมย้ายออก แถมท้าทายให้เจ้าของบ้านไปฟ้องร้อง พร้อมขู่กลับว่าจะแจ้งข้อหาบุกรุกกับเจ้าของบ้าน 
 
          เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่และติดต่อไปยังเจ้าของบ้านเช่าหลังดังกล่าวเพื่อสอบถามข้อมูล โดยเปิดเผยว่า ตนเองปล่อยบ้านให้ผู้เช่ารายหนึ่งเช่า สัญญาเริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2562 ซึ่งในช่วงแรกผู้เช่ายังคงจ่ายค่าเช่าบ้านตามปกติ แต่ก็มีบางช่วงที่จ่ายล่าช้าไปบ้าง ซึ่งตนเองก็อะลุ่มอล่วยให้ เพราะเข้าใจว่าอาจจะประสบปัญหาทางด้านการเงินจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาด
 
          แต่พอมาเข้าปีที่ 3 ในการเช่า คือปี 2565 ผู้เช่าค้างค่าเช่าบ้านหลายงวด และตนมองว่าผู้เช่าน่าจะไม่สะดวกในการอยู่ที่นี่แล้ว ตนจึงได้เสนอกับผู้เช่ารายดังกล่าวไปว่าให้ไปหาที่เช่าใหม่ที่ถูกลง จะได้ไม่ต้องมาเครียดกันทั้งสองฝ่าย แต่ผู้เช่ายืนยันว่ายังจะอยู่ต่อ กำลังจะหาซื้อบ้านใหม่ขอเวลาอยู่ต่อก่อน ซึ่งตนก็โอเค เพราะดูเหมือนมีกรอบระยะเวลาชัดเจน
 
           จนกระทั่ง หมดสัญญาเช่า เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 ผู้เช่าก็ยังยืนยันว่าจะยังไม่หาที่อยู่ใหม่ และจะอยู่ที่บ้านหลังเดิม โดยให้เหตุผลว่า ยังหาที่อยู่ที่เหมาะสมไม่ได้ และสะดวกที่จะอยู่ที่เดิม ซึ่งตนเองพยายามเจรจาด้วยดีกับผู้เช่ามาตลอด จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม ปี 2565 ตนเองทนไม่ไหว ให้ทนายความทำใบแจ้งเตือน เพื่อแจ้งรับผู้เช่ารับทราบ แต่ก็ไม่เป็นผล
 
         ตนเองจึงไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ที่ สน.แสมดำ ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจก็เรียกผู้เช่ารายดังกล่าวเพื่อจะเข้ามาไกล่เกลี่ยกัน แต่ทางฝั่งของผู้เช่าก็ไม่มา ตนเองจึงตัดสินใจฟ้องร้อง ซึ่งได้แจ้งให้ผู้เช่ารับรู้ตลอดว่าจะดำเนินการฟ้องร้อง ทันทีที่ผู้เช่ารู้นั้น ก็บอกกับตนเองว่า ในเมื่อจะฟ้องร้อง ก็ให้ฟ้องมาเลย ในระหว่างการฟ้องร้อง ก็จะไม่ไปหาที่อยู่ใหม่ และอยู่ที่บ้านหลังเดิม และในบางครั้งที่ตนเองไปเจรจาที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว ทางผู้เช่าก็มีการพูดกลับมาว่า หากบุกรุกเข้ามาภายในบ้าน ก็จะแจ้งความกลับตนกันในข้อหาบุกรุก
 
         ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในระหว่างที่ผู้เช่ารายนี้อาศัยอยู่ในบ้านโดยไม่จ่ายค่าเช่าบ้านนั้น ทำให้ตนเองเสียโอกาส แทนที่จะได้ปล่อยบ้านเช่าให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่า กลับกลายเป็นต้องมาแบกรับภาระเอง ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ไปจำนวนหลายบาท
 
          โดยก่อนหน้านี้ผู้เช่ารายนี้เคยไปเช่าบ้านอยู่ แล้วมีพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน แต่เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวหาบ้านเช่าใหม่ให้ นั่นก็คือบ้านของตน แถมยอมจ่ายค่าเช่า 2 เดือนแรกให้ด้วย โดยที่ไม่ได้บอกว่าผู้เช่ารายนี้มีพฤติกรรมอย่างไร ซึ่งทีแรกตนคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรเพราะเขานั่งรถเบนซ์มา ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ววอนขอให้ผู้เช่ารายนี้ย้ายออกไปที
 
          พร้อมกับยืนยันว่าที่ออกมาพูดในประเด็นนี้นั้นเพียงต้องการ ให้ผู้เช่ารายดังกล่าว ย้ายออกจากบ้านไปเท่านั้น และเตือนเป็นอุทาหรณ์ เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเจ้าของบ้านรายใดอีก
 
          ขณะที่น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เช่า ได้ให้สัมภาษณ์กับ ข่าวสดออนไลน์ ว่า ตนประกอบอาชีพค้าขายออนไลน์ ซึ่งตอนนี้เจอปัญหาภาวะหนี้สิน จึงทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาตนก็พยายามจะหาเงินมาตลอด แต่ยอมรับว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ตนไม่ได้จ่ายค่าเช่าบ้านเลย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าหากเจ้าของบ้านขอให้ย้ายออกโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านที่ค้างไว้ จะออกหรือไม่นั้น ด้าน น.ส.เอ ตอบว่า การจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก็ต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ตนไม่มี ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าต่อ หากเจ้าของบ้าน ให้เงิน 10,000 บาท เพื่อให้เราย้ายออก ไปตั้งตัวใหม่ที่อื่น จะยอมออกหรือไม่ เจ้าตัวตอบกลับมาว่า “หมื่นหนึ่งตั้งตัวได้เหรอคะ?”
 
        อย่างไรก็ตามตนก็รู้สึกเครียดแล้วก็รู้สึกผิด แต่เมื่อไม่มีเงินก็ไม่รู้ว่าจะย้ายออกไปไหน ตนจะย้ายออกก็ต่อเมื่อมีเงินจำนวนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็รอขายทรัพย์อยู่ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็คงเครียดจนฆ่าตัวตายไปแล้ว แต่ตนนั้นยังสู้ต่อ
 
        ที่ผ่านมาเจ้าของบ้านก็ได้มาต่อว่าตนหน้าบ้าน ประจานให้เพื่อนบ้านได้ยิน ตนก็รู้สึกอับอาย จนไม่กล้าคุยกับเพื่อนบ้านแล้ว ทั้งนี้ตนยอมรับว่าไปแจ้งความเจ้าของบ้านในข้อหาบุกรุกจริง เนื่องจากเขาเข้ามาในบ้านที่ตนอาศัยอยู่
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง