เจ้าของบ้านสุดเอือม สาวค้างค่าเช่านานนับปี วอนย้ายออก ถูกตวาดกลับ “ออกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น !”

เจ้าของบ้านสุดจะทน เจอผู้เช่าแสบ ค้างค่าเช่าบ้านบานตะไท อ้างหมุนเงินไม่ทัน จึงขอให้ย้ายออก ก็ไม่ออก ขู่จะฟ้องก็ไม่สน บอก "ออกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น !”

 

 

             วันที่ 6 ม.ค. 66 เอ (นามสมมติ) เจ้าของบ้าน ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อเดือน ก.พ. 62 ตนโพสต์ประกาศหาคนมาเช่าบ้านของตัวเอง แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาติดต่อขอเช่า จึงตกลงทำสัญญาเช่าบ้านกัน ราคาอยู่ที่ 8,500 บาท/เดือน ที่ให้สาวคนดังกล่าวเช่าบ้าน เพราะ ตนดูแล้วเขาไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกทั้งเขายังอยู่กับพ่อและแม่อีกด้วย ซึ่งในปีแรก เขาค้างค่าเช่าประมาณ 4 เดือน มีการจ่ายช้าบ้าง แต่ตนก็เห็นใจ เลยหยวน ๆ ให้ ต่อมาปี 63 ต่อสัญญาอีกครั้ง ปีนี้ แม้เขาจะจ่ายช้า แต่เขาจ่ายเงินครบทุกเดือน ส่วนหนี้ที่ค้างปี 62 เขายังไม่ได้จ่าย ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร ยังรอได้ เพราะ เขาจ่ายเดือนปัจจุบันครบ

 

             พอปี 64 ได้ต่อสัญญาเช่ากันอีกครั้ง แต่ปีนี้เขาเริ่มค้างค่าเช่าเยอะขึ้น ตลอดทั้งปี จ่ายไม่ครบบ้าง ไม่จ่ายบ้าง อ้างว่าหมุนเงินไม่ทัน ซึ่งเมื่อถึงวันครบสัญญา ตอนเดือน ก.พ. 65 ตนเลยเข้าไปกับผู้เช่า ว่าให้ลองหาบ้านเช่าที่ใหม่ ที่มันราคาถูกกว่านี้ไหม เนื่องจากตนเห็นว่าเขาดูมีปัญหาด้านการเงิน ซึ่งฝั่งผู้เช่า เขาก็ขอโอกาสอยู่ต่อ โดยอ้างว่ากำลังหาบ้านใหม่อยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ ตนจึงให้โอกาส ให้เขาอยู่ระหว่างหาบ้านใหม่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ไป อยู่ต่อโดยที่สัญญาก็หมดไปแล้ว ตนเคยโทรศัพท์ไปถามคู่กรณีว่าเมื่อไหร่จะย้ายออก แต่ตัวพ่อเขาตะโกนกลับมาว่า "เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ" ทั้งนี้ยืนยันได้ว่าตนไม่เคยไปข่มขู่คุกคามอะไรคู่กรณีเลย 

 

 

             เดือน ก.ค.  65 ตนเลยให้ทนายทำหนังสือแจ้งเตือนให้คู่กรณี ให้เขาย้ายออก เนื่องจากสัญญาหมดแล้ว และยังมีเงินที่ค้างชำระ ก็ต้องจ่ายด้วย ซึ่งเมื่อคู่กรณีเห็นหนังสือแจ้งเตือน เขาก็คิดว่า ตนกำลังจะดำเนินการฟ้องร้องกับเขา เมื่อเป็นแบบนั้นเรื่องที่จะไปซื้อบ้านใหม่ เขาก็จะไม่รีบแล้ว เพราะถ้าถูกฟ้อง เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ทำให้เขาไม่ย้ายออกจากบ้าน ขณะเดียวกัน เดือน ก.ย. 65 ตนเลยไปแจ้งความ ตำรวจจึงได้ช่วยเหลือเรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย แต่เขาก็ปฏิเสธ ไม่ยอมมา อีกทั้งเขายังเคยขู่ว่า ถ้าตนเข้าไปในบ้านเขา เขาจะฟ้องตนข้อหาบุกรุก สำหรับเงินค่าเช่านั้น เขาข้างค่าเช่าทั้งหมดประมาณ 1 ปี โดยบางเดือนก็ไม่จ่าย หรือจ่ายไม่ครบ รวมแล้วค้างจ่ายอยู่ 104,500 บาท 

 

             ทั้งนี้ ตนเคยพยายามหาวิธี ก็มีคนแนะนำให้ไปยกเลิกมิเตอร์ไฟฟ้า แต่ทางการไฟฟ้านครหลวง บอกว่าทำไม่ได้ เพราะว่ายังมีคนอาศัยอยู่ และคนที่อยู่อาศัยเขายังจ่ายค่าไฟอยู่ ทั้งนี้ การไฟฟ้าบอกว่า แม้ตนจะยกเลิกมิเตอร์ไป แต่คู่กรณีก็สามารถไปขอมิเตอร์เป็นชื่อของเขาได้ เพราะเขาเคยมาขอให้เอาชื่อใส่ในทะเบียนบ้าน เป็นผู้อยู่อาศัย ทำให้เขามีสิทธิ์ขอได้ ตามที่การไฟฟ้าฯ แจ้ง ขณะเดียวกัน บ้านหลังนี้ ตนก็ไม่ได้ทำเรื่องเอาชื่อไปเป็นเจ้าบ้านด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนต้องการมากที่สุด คือ ให้เขาออกจากบ้านเร็วที่สุด ส่วนเรื่องค่าเช่า เอาไว้ฟ้องร้องกันทีหลังได้ 

 

 

             ฟาก ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย สภาทนายความฯ ให้ความเห็นว่า เคสนี้ไม่สามารถแจ้งข้อหาบุกรุกได้ แม้สัญญาเช่าจะหมดแล้วก็ตาม เนื่องจาก คู่กรณีเขาเข้ามาวันแรกตามสัญญาเช่า มันเลยไม่ผิดกฎหมายคดีอาญา แต่ทว่า เมื่อมีการทำสัญญาเช่ากัน เมื่อผู้เช่าผิดนัด ผู้ให้เช่า มีสิทธิ์ไปปิดกั้นล็อกกุญแจได้ แต่การที่จะเข้าไปล็อกประตู ต้องไม่มีคนอยู่ในบ้าน เพราะมันจะเป็นการกักขังเสรีภาพ ดังนั้นต้องทำตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้าน จะไม่ถือเป็นการบุกรุก แต่ต้องมีเงื่อนไขไว้ในสัญญาเช่า ถ้าไม่มีเงื่อนไขในสัญญา อันนั้นก็ผิด 

 

             ทั้งนี้ ตัวผู้เสียหายได้ดำเนินการฟ้องร้องอันนั้นถูกต้องแล้ว แต่การดำเนินการฟ้องร้องนั้นมันใช้เวลากว่าเรื่องจะจบ ตนแนะนำให้ร้องขอต่อศาล ให้ "คุ้มครองชั่วคราว" โดยจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล อาทิ ให้คู่กรณีวางหลักประกันก่อนจะจบคดี หรือให้ย้ายออกไปก่อนระหว่างพิจารณาคดี และจะส่งผลลดระยะเวลาในการรอการขึ้นศาลได้ ดังนั้นทางออกคือทางศาลทางเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลสั่งพิพากษาแล้ว เขายังไม่ออกอีก ให้ไปร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้เขามายึดทรัพย์สิน ออกไปได้  

 

 

             ส่วน เรื่องการตัดไฟ ตนคิดว่าเป็นเรื่องระเบียบของการไฟฟ้ามากกว่า ที่เอาเรื่องหลักมนุษยธรรมขึ้นมา อย่างไรก็แล้วแต่ ตนคิดว่า ถ้าแจ้งคืนมิเตอร์ไฟฟ้า เพิกถอนไปเลย ยังไงก็น่าจะคืนได้ สำหรับเรื่องชื่อในทะเบียนบ้านนั้น เจ้าบ้านสามารถเอาชื่อลูกบ้านออกได้ แต่ในกรณีนี้ผู้เสียหายไม่ได้ลงชื่อเป็นเจ้าบ้าน ดังนั้นให้เร่งดำเนินการ เอาชื่อตัวเองไปเป็นเจ้าบ้าน 

 

             อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากบอกประชาชนว่า เรื่องทะเบียนบ้าน ตนคิดว่า ผู้ให้เช่าไม่ควรเอาชื่อผู้เช่ามาใส่ในทะเบียนบ้าน และที่สำคัญ ไม่ควรจะใจดีกับผู้เช่ามาก ถ้าผิดสัญญาสัก 3 เดือน ควรจะยกเลิกสัญญาได้แล้ว