หลัง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์กับเช้านี้ที่หมอชิตไปเมื่อวันที่ 2 มกราคมว่า หลังปีใหม่จะทยอยเปิดหลักฐานรัว ๆ เกี่ยวกับคดีตู้ห่าว วานนี้ (3 ม.ค.) นายชูวิทย์ ได้ทยอยเปิดคลิปหลักฐานมาอีก 2 คลิป
หลังจากที่ คุณชูวิทย์ บอกว่าจะทยอยเปิดหลักฐานเพิ่มเติมหลังปีใหม่นี้ กับรายการเช้านี้ที่หมอชิต และเมื่อวานนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับพลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หลังจากนั้นคุณชูวิทย์ก็โพสต์คลิปรัว ๆ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว คลิปแรกบอกว่า “โหมโรงรับปีใหม่” ภาพเหตุการณ์ วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เวลาใกล้เที่ยงคืน ก่อนตำรวจทีม ผบช.น. บุกจับมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนยาเสพติดภายในจินหลิง บริเวณหน้าห้องคาราโอเกะอย่างเปิดเผย คลิปจากกล้องวงจรปิดถูกตัดออกจากสำนวน ตั้งแต่ก่อน 21 ตุลาคม 2565 ส่วนเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ใคร ช่วยตอบทีก่อนถูกแฉอีกรอบ (แต่ค้นผับจินหลิง 26 ตุลาคม 2565 สำนวนก็ต้องทำหลัง 26 ตุลา แต่ทำไมคลิปจากกล้องวงจรปิดถูกตัดออกจากสำนวน ตั้งแต่ก่อน 21 ตุลาคม 2565)
แต่ “แผนเหนือเมฆ” ยังมีเหนือกว่า เพราะการทำงานไม่เป็นทีมของ ผบช.น. เอง จากภาพที่ผมนำมาแสดงในโพสต์ก่อน จะเห็น สภาพจินหลิงเป็นเสมือนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ประกอบด้วยบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ห้องวีไอพี คาราโอเกะไว้เสพยา ผู้หญิงบริการ นี่มันสมบูรณ์แบบยิ่งกว่ากาสิโนแห่งไหนในโลก โดยจะมีคลิปอื่น ๆ อีกมาก ผบ.ตร. ไม่ต้องรีบมาสอบผม ให้ผมทยอยเปิดข้อมูลไปเรื่อย ๆ ก่อน เดี๋ยวเรียกสอบทีเดียวได้ เผอิญช่วงนี้ผมไม่ได้ไปไหน ว่าง ๆ อยู่พอดี
แต่ที่ ผบ.ตร. ต้องรีบสอบก่อน คือ ผบช.น. ครับ เพราะออกอาการรั่ว ๆ อยู่
โดยตั้งแต่วันนี้จะทยอยปล่อยคลิปภายในจินหลิง ทั้งก่อนและหลังตำรวจบุก พร้อมตั้งข้อสังเกตในช่วงการทำสำนวนคดีต่างๆ ว่า “หากไม่ผิดปกติ ก็ย่อมมีการช่วยเหลือกัน” โดยจะไล่กล้องวงจรปิดให้ดูทีละช็อตว่า เกิดเหตุการณ์อะไรในคืนวันที่ 26 ตุลาคม ปีที่แล้ว คลิปภาพวงจรปิดยังมีอีกเป็นร้อย เด็ด ๆ ทั้งนั้น รอทีเดียวเลยดีกว่า จะมันกว่ามากเลยครับ เดี๋ยวหลักฐาน มันตกหล่นหายไปอีก หรือไม่ก็บอกมีมากพอแล้ว หลักฐานในมือผมจะหนาวไปถึงไหน คอยดูตอนต่อไปครับ
ภาพจากกล้อง CCTV ถัดไป วันเกิดเหตุขณะตำรวจเข้า เวลา 00.30 น. จะสังเกตเห็น “ถาดไม้ที่ใช้แบ่งยา” ในวงกลม ขนย้ายกันจ้าละหวั่น เป็นภาพอีกมุมหนึ่ง เพื่อให้สังคมได้เห็น หากมองให้ดี จะเห็นมียาเสพติดอยู่บนถาดชัดเจน แต่ทำไม ผบช.น. ถึงไม่เก็บถาดไม้นี้ออกไปจากที่เกิดเหตุ
โดยเหตุผลที่ให้คือ “มีหลักฐานมากพอแล้ว ที่เหลือไม่ต้องการ ทั้ง ๆ ที่ยาเสพติดยิ่งมีหลักฐานมาก ยิ่งแสดงถึงความร้ายแรงของพฤติการณ์แห่งคดี”
ต่อมา ตำรวจชุดทีมบิ๊กโจ๊ก เพิ่งไปเปิดตรวจกับ ป.ป.ส. พบในรถตู้อัลพาร์ด หมายเลขทะเบียน 7กภ-1234 หลังเกิดเหตุไปแล้ว 2 เดือน ตรวจซ้ำวันที่ 27 ธันวาคม แต่เกิดเหตุตั้งแต่ 26 ตุลาคม ปรากฏว่ายังไม่ได้เปิดรถตรวจมาก่อน
ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของนายตู้ห่าว ที่มีหลานเป็นคนขับ คืนนั้นอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ตำรวจจับแล้วปล่อยหนีไป
ที่ไม่ได้เปิดรถ ผบช.น. อ้างว่าไม่มีกุญแจรถ ต้องประกาศตามหาเจ้าของรถมาเปิด (เจ้าของที่ทีมตัวเองปล่อยไปในวันเกิดเหตุ) แต่บิ๊กโจ๊กไปถึงเรียกช่างกุญแจมาเปิดได้หน้าตาเฉย พบถาดมีคราบยาเสพติด แถมหลอดดูดยาที่ใช้แล้ว ต่อมา ผบช.น. ยังโบ้ยว่า เลขาฯ ป.ป.ส. มีระเบียบไม่ให้เข้าที่เกิดเหตุ แต่ดันเจอคนจริง เลขาฯ ป.ป.ส. บอกว่า “ทำงานมา 30 ปี ไม่เคยมีระเบียบห้ามตำรวจเข้าที่เกิดเหตุ และความจริงย่อมมีหนึ่งเดียวเท่านั้น ยิ่งเปิดกล้อง ยิ่งค่อย ๆ พบเรื่องราวให้เห็นอะไรชัดขึ้น ว่าอะไรเป็นอะไร? ใครจะพูดจริง พูดเท็จ ท่านทั้งหลายพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมถล่มอีก แต่ที่แน่ๆ กล้องวงจรปิด มันโกหกไม่ได้ครับ
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.50-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม