หนุ่มสุดช้ำ เจอ ตร.แสบ ยัดข้อหา 2 กระทง พ่วงยึดรถ แถมไถเงินกว่า 6 หมื่น สู้คดีกว่า 2 ปี รถก็ไม่ได้คืน !
วันที่ 5 ม.ค. 66 กิตติชัย สีหะวงษ์ (เอิร์ธ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ช่วงสงกรานต์ปี 64 ตนขับรถกระบะ ตู้ทึบ สีขาว กำลังเดินทางไปบางแสน พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน ระหว่างติดไฟแดง ก็มีผู้ชายใส่เสื้อสีขาว ตัดผมหัวเกรียน มาถีบรถของตนจนประตูบุบ ด้วยความตกใจตนเลยฝ่าไฟแดง หนีขับกลับบ้าน หลังจากนั้นก็มี ตำรวจนอกเครื่องแบบ เข้ามาค้นรถกระบะที่จอดอยู่หน้าบ้าน และเข้ามากล่าวหาตนว่าไปแข่งรถ และบอกว่าตนเป็นหัวหน้าเพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการแข่งรถ ซึ่งตนไม่ได้แข่งรถ และไม่ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มเฟซบุ๊กด้วย สุดท้ายก็เชิญตนไปที่ สน.ลาดกระบัง
พอไปถึง เขาก็เค้นให้ตนยอมรับผิด แต่ตนปฏิเสธข้อกล่าวหาไปทั้งหมด สุดท้ายเขาก็เอกสารมาให้ตนเซ็น พร้อมบอกว่า รถจะยึดไว้ก่อน ให้เอาเอกสารมายืนยันแล้วจะคืน ตนเลยคิดว่าเรื่องจะจบแล้ว เลยเซ็นไปโดยไม่ได้อ่าน ต่อมา แม่ตนได้เข้าไปโรงพัก เอาเอกสารรถไปยืนยัน ปรากฎว่า ตนโดนคดี เนื่องจากในเอกสาร ระบุ ข้อหาว่า "ขับขี่รถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และสนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต" ทำให้ตนต้องไปขึ้นศาล ทั้งนี้ตนขึ้นศาลไปแล้ว 2 ครั้ง ตอบปฏิเสธข้อกล่าวหาตลอด แต่ศาลก็ยังไม่ตัดสิน อ้างว่า ยังไม่มีหลักฐานมากพอจะตัดสินว่าตนผิด
แต่ที่หนักไปกว่านั้น มีตำรวจที่ สน.ลาดกระบัง ยื่นข้อเสนอ ให้จ่าย 30,000 บาท แล้วเขาจะช่วยหาทางเอารถออกให้ แม่ของตนก็โอนเงินให้เขาเลย แต่ก็ไม่ได้เลยคืน ต่อมา ตำรวจยังพาทนายมาช่วยหาทางออก ซึ่งทนายเรียกเงินอีก 30,000 บาท สุดท้ายก็ไม่ได้รถคืนเช่นกัน โดยเรื่องเกิดตั้งแต่ปี 64 จนถึงวันนี้ (5 ม.ค. 66) ก็ยังไม่ได้รถคืน จนตนต้องออกมาร้องเรียนกับสื่อ เนื่องจากรอต่อไปไม่ไหวแล้ว รถที่ถูกยึด ก็จอดอยู่ที่โรงพัก แถมเสื่อมสภาพด้วย ทั้งนี้รถคันดังกล่าว เป็นรถที่ตนเอาไว้ใช้ทำงานส่งของ ส่งผลให้ตนไม่ได้ทำงานอีกด้วย
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า หวั่นใจว่าทนายที่เรียกเงิน จะไม่ใช่ทนายจริง เนื่องจาก ที่โรงพักจะมีทนายคอยช่วยเหลือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของศาลนั้น ตามปกติหากมีหลักฐานไม่พอ ศาลจะสั่งยกฟ้อง รวมถึงอัยการจะไม่ส่งฟ้องด้วย ต้องดูที่สำนวน แต่เรื่องนี้มันแปลก ตั้งแต่ตำรวจมาเรียกรับเงินผลประโยชน์แล้ว ซึ่งข้อกล่าวหาที่ผู้เสียหายโดนนั้น มีโทษเบา แค่จำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ผู้เสียหายกลับโดนเรียกเงินไปแล้วกว่า 60,000 อย่างไรก็ตาม หากศาลพิพากษายกฟ้อง แนะนำให้ฟ้อง ร้องเอาผิดกับพนักงานสอบสวนได้ ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 148 ด้วย
ขณะเดียวกัน ทางทีมงานรายการถกไม่เถียง ได้นำชื่อบัญชีปลายทางจากสลีปการโอนเงิน ไปค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ปรากฎว่าชื่อนั้นตรงกับ นายตำรวจท่านหนึ่ง ที่เคยเป็นข่าว เมื่อปี 2557 ว่าถูกเด้งย้ายหน่วยงาน ในกรณีทำร้ายร่างกายผู้หญิงกลาง สน.ลาดกระบัง จึงได้ติดต่อไปยัง พ.ต.ท.วสันต์ กันเกตุ สว.(สอบสวน) (ตำรวจที่เอากุญแจรถของผู้เสียหายไป) โดยชี้แจงว่า มีตำรวจนายนี้อยู่ที่ สน.ลาดกระบังจริง แต่ท่านไม่รู้เรื่องการโอนเงิน อีกทั้งยังแจ้งว่า ตำรวจไม่สามารถรับเงินโดยตรง เข้าบัญชีส่วนตัวได้
ส่วนเรื่องของคดีความนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกประการ ซึ่งในพื้นที่ลาดกระบังมีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแข่งรถบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งในคืนที่เกิดเหตุก็ได้พบพฤติการณ์ของนาย กิตติชัย สีหะวงษ์ พร้อมพวก เจ้าหน้าที่จึงเรียกหยุดรถและขอตรวจสอบ แต่วัยรุ่นกลุ่มนี้ได้ขับรถหนี จนนำไปสู่การยึดรถไปตรวจสอบ
ขณะที่ ความคืบหน้าในตอนนี้ เพื่อนของนายกิตติชัย ได้รับสารภาพทั้งหมดแล้ว ส่วนเรื่องของนายกิตติชัยเอง ทางตำรวจมีหลักฐานที่ใช้ในทางคดีชัดเจน และทางอัยการได้สั่งฟ้องไปแล้ว และรอขั้นตอนของการสืบพยานต่อไป
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35