ตร. เอาอีกแล้ว ! หนุ่มออกมาร้องเรียน ขับรถอยู่ดี ๆ ถูกชายหัวเกรียนเดินมาถีบ จนรถบุบ สุดงง ถูกยึดรถ ยัดข้อหา 2 กระทง สู้คดีมา 2 ปี รถก็ยังไม่ได้คืน ช้ำหนัก เจอ ตร. แสบ หลอกไถเงิน อ้างช่วยเอารถคืนให้ หมดไปกว่า 6 หมื่นบาท แต่ไม่ได้อะไรเลย !
วันที่ 5 ม.ค. 66 กิตติชัย สีหะวงษ์ (เอิร์ธ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น ช่วงสงกรานต์ ปี 64 แถว ถนนร่มเกล้า มุ่งหน้าไปสนามบินสุวรรณภูมิ โดยตอนนั้นตนกำลังขับรถกระบะตู้ทึบ สีขาว เดินทางไปบางแสน พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน โดยเพื่อนทั้ง 2 คน อยู่หลังกระบะ คอยจับมอเตอร์ไซค์ที่ขนมาด้วย ซึ่งตนได้จอดรถติดไฟแดงอยู่ ก็มีผู้ชายใส่เสื้อสีขาว ตัดผมหัวเกรียน ลงมาจากรถของเขา วิ่งมาถีบประตูรถของตน ฝั่งคนขับ จนมันบุบ ซึ่งทำให้ตน และเพื่อนตกใจกลัว เลยฝ่าไฟแดงขับรถกลับบ้าน บางแสนก็ไม่ได้ไปแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้ไปมีปัญหากับใครมาก่อน รถก็ไม่ได้ขับซิ่งไปปาดหน้าใคร เพราะรถมันขับได้ช้า ได้เต็มที่แค่ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องจากมีมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนอยู่ข้างหลังกระบะ
หลังจากนั้นตนเอารถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนไปเก็บ แล้วตนก็เข้าบ้านตามปกติ ก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบ เข้ามาค้นรถกระบะที่จอดอยู่หน้าบ้าน พี่เจ้าของบ้านจึงได้ออกไปคุย ฝั่งตำรวจเลยบอกว่า "มึงขับรถหนีกูหรอ" และยังกล่าวหาว่าตนไปแข่งรถ อีกทั้งยังบอกว่าให้ตนยอมรับว่าตนเป็น หัวหน้าเพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการแข่งรถ สุดท้ายตำรวจขอเอารถไปตรวจสภาพ และเชิญตนไป สน.ลาดกระบัง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นหัวหน้าเพจ ที่นัดคนไปแข่งรถ และก็ไม่ได้ไปแข่งรถมาด้วย ส่วนรถกระบะดังกล่าว ก็เป็นรถที่เอาไว้ใช้ทำงาน เป็นพนักงานส่งของ
พอไปถึง เขาก็เค้นให้ตนยอมรับความผิด บอกว่า เรื่องมันจะได้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องติดคุก และจะช่วยจากติดคุก 6 เดือน จะช่วยให้เหลือแค่เดือนเดียว ตนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาไป แต่เขาก็ไม่เชื่อ เค้นให้ตนยอมรับอย่างเดียว สุดท้ายเขาก็เอกสารมาให้ตนเซ็น และบอกว่าเขาจะยึดรถเอาไว้ก่อน ให้ไปเอาเอกสารพวกเล่มทะเบียนรถ มายืนยัน แล้วค่อยเอารถกลับไป ซึ่งตอนนั้นตนก็คิดว่าจบแล้ว เลยเซ็นเอกสารดังกล่าวไปโดยไม่ได้อ่าน
ปรากฎว่า วันที่แม่เอาเอกสาร จะไปรับรถคืน ตำรวจบอกว่าตนโดนคดี ต้องรอไปขึ้นศาล โดยใน เอกสารที่ตนเซ็นไปนั้น ระบุว่า ตนโดนข้อหา "ขับขี่รถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และสนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต" ทำให้ตนต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการฯ จ.มีนบุรี ทุกเดือน ทั้งนี้ตนได้ขึ้นศาลไปแล้ว 2 ครั้ง ได้ตอบปฏิเสธข้อกล่าวหาตลอด แต่ศาลยังไม่มีหลักฐานมากพอจะตัดสินว่าตนผิด เขาเลื่อนตนหลายครั้งแล้ว
ที่หนักไปกว่านั้น มีตำรวจที่ สน.ลาดกระบัง ยื่นข้อเสนอ ให้จ่าย 30,000 บาท แล้วเขาจะช่วยหาทางเอารถออกให้ ซึ่งแม่ก็จ่ายเงินให้เลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รถคืน ตำรวจอ้างแต่ให้รอ ต่อมา ตำรวจเขาก็พาทนายมาช่วยหาทางออก ทางทนายเขาก็เรียกเงินอีก 30,000 บาท เลยต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งทนายดังกล่าว ก็ได้แต่พูดให้ความหวัง บอกว่าเดี๋ยวก็ยกฟ้อง แล้วก็รอเหมือนเดิม จนถึงวันนี้(5 ม.ค. 66) ก็ยังไม่ได้รถคืน อย่างไรก็ตาม ที่ตนออกมาร้องสื่อ เนื่องจาก ตนรอไม่ไหวแล้ว รถมันจอดนานแล้ว เกือบจะ 2 ปี จอดอยู่เฉย ๆ รถก็เสื่อมสภาพ แถมงานก็ไม่ได้ทำ
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า ปกติแล้ว จะมีทนายประจำโรงพักอยู่แล้ว เพื่อบริการประชาชน โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว กลัวว่าทนายที่มาเรียกเงิน 30,000 บาท จะไม่ใช่ทนายหรือเปล่า ส่วนเรื่องการขึ้นศาลนั้น ตามปกติแล้วหากขึ้นศาลแล้ว ถ้าท่านมีข้อพิรุธสงสัย จะสั่งยกฟ้องอย่างเดียว ต้องดูสำนวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับฝั่งเจ้าหน้าที่ แต่เรื่องนี้มันแปลกตั้งแต่ต้น ยิ่งประเด็นตำรวจ ไปเรียกรับผลประโยชน์เนี่ย มีโทษหนักแน่
ทั้งนี้ การทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (8) ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น โทษจริง ๆ แล้วมันเบา มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่ตัวผู้เสียหายจ่ายไปกว่า 60,000 มันมากกว่าปรับเสียอีก อย่างไรก็ตาม หากศาลพิพากษายกฟ้อง เราสามารถฟ้องร้องเอาผิดกับพนักงานสอบสวนได้ ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และถ้าหากเจ้าหน้าที่มีการเรียกรับเงิน ก็ฟ้อง มาตรา 148 ด้วย
ขณะเดียวกัน ทางทีมงานรายการถกไม่เถียง ได้เอาชื่อบัญชีปลายทาง จากสลีปการโอนเงินครั้งแรกให้ตำรวจ ของนาย กิตติชัย สีหะวงษ์ ไปค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ปรากฎว่าชื่อนั้นตรงกับ นายตำรวจท่านหนึ่ง ที่เคยเป็นข่าว เมื่อปี 2557 ว่าถูกเด้งย้ายหน่วยงาน ในกรณีทำร้ายร่างกายผู้หญิงกลาง สน.ลาดกระบัง จึงติดต่อไปยัง พ.ต.ท.วสันต์ กันเกตุ สว.(สอบสวน) (ตำรวจที่เอากุญแจรถของผู้เสียหายไป) โดยชี้แจงว่า มีตำรวจนายนี้อยู่ที่ สน.ลาดกระบังจริง แต่ท่านไม่รู้เรื่องการโอนเงิน อีกทั้งยังแจ้งว่า ตำรวจไม่สามารถรับเงินโดยตรง เข้าบัญชีส่วนตัวได้
ส่วนเรื่องของคดีความนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกประการ ซึ่งในพื้นที่ลาดกระบังมีประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแข่งรถกันกลางดึกทำให้เกิดเสียงดังสร้างความน่ารำคาญบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบในเส้นทางดังกล่าว และในคืนนั้นก็ได้พบพฤติการณ์ของนาย กิตติชัย สีหะวงษ์ พร้อมพวก เจ้าหน้าที่จึงเรียกหยุดรถและขอตรวจสอบ แต่วัยรุ่นกลุ่มนี้ได้ขับรถหนี จนนำไปสู่การยึดรถไปตรวจสอบ
พ.ต.ท.วสันต์ ได้ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีการเรียกค่าทนายความจำนวน 30,000 บาทแต่อย่างใด และอธิบายเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้ว จะมีกรณีที่ทางรัฐจัดหาทนายฟรีให้ผู้เสียหายสู้คดีตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าในตอนนี้ เพื่อนของนายกิตติชัย ได้รับสารภาพทั้งหมดแล้ว ส่วนเรื่องของนายกิตติชัยเอง ทางตำรวจมีหลักฐานที่ใช้ในทางคดีชัดเจน และทางอัยการได้สั่งฟ้องไปแล้ว และรอขั้นตอนของการสืบพยานต่อไป
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35